เพลิงไหม้วอด โกดังรับซื้อของเก่าย่านฉลองกรุง
เมื่อเวลา10.00 น.วันที่ 10 พ.ย. งตำรวจ สน.ฉลองกรุง รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ร้านเก็บของเก่า บริเวณภายในซอยฉลองกรุง 53 แยก 13 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบพร้อม นายชัชชญา ขำจันทร์ ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง พร้อมประสานเจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยลาดกระบัง และอาสาใกล้เคียงนำรถน้ำ (บรข.) เข้าช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุอยู่บ้านเลขที่ 26-28 ลักษณะโกดัง โครงสร้างหลังคาเมทัลชีท เปิดกิจการร้านขายของเก่า มีเพียงชั้นเดียว พบแสงเพลิงและกลุ่มควันพวยพุ่งออกจากอาคารจำนวนมาก โดยช่วงแรกเจ้าหน้าที่ใช้หัวฉีดน้ำ เพียง 1 หัว แต่ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ เนื่องจากภายในโกดังมีวัสดุเชื้อเพลิง ทั้งกระดาษ และพลาสติก จากนั้นจึงระดมฉีดน้ำสกัดเพื่อไม่ให้ลุกลามบ้านข้างเคียง โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลา กว่า 40 นาที จนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ และไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต จากการตรวจสอบเบื้องต้นเพลิงลุกไหม้เสียหาย ประมาณ 140 ตารางเมตร
จากการสอบถาม นางใหม่ (แม่ค้าอาหารตามสั่งผู้เห็นเหตุการณ์) เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุตนกำลังทำกับข้าวอยู่ ตนเห็นมีสะเก็ดไฟลุกที่สายไฟ และค่อยๆลามไป คล้ายไฟฟ้าช็อต ตนรู้สึกทำอะไรไม่ถูก ตัวสั่น พยายามติดต่อเจ้าของร้าน และลูกค้าที่ร้านก็พยายามตามเจ้าของร้านของเก่าให้ ปกติที่เกิดเหตุจะมีลูกน้องนอนเฝ้า อยู่ 2 คน ส่วนเจ้าของโกดังกลับต่างจังหวัด 2 อาทิตย์ แต่ช่วงไฟไหม้ลูกน้องได้ออกมาเทปูนอยู่ข้างล่าง จากนั้นตนจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและคนในชุมชน มาช่วยดับ แต่ก็ไม่ทันเนื่องจากไฟไหม้เยอะ
ด้านนายวรธนัท ฉ่ำเพียร (อาสาดับเพลิง ใต้ 31-61) เล่าว่า หลังได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีเหตุเพลิงไหม้ร้านขายของเก่า จึงจัดกำลัง และประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งรัด มาถึงพบว่ากลุ่มควันและแสงเพลิงขึ้นสูงมาก ขณะนั้นตนอยู่ถนนรามคำแหง มองเห็นกลุ่มควันลอยขึ้นในระยะไกล ซึ่งขณะมาถึงก็เห็นแสงไฟอยู่ด้านในจำนวนมาก โดยไม่ทราบว่าต้นเพลิงมาจากที่ใด ตนจึงเร่งฉีดน้ำ จนไฟเริ่มเบาบางลงเหลือกลุ่มควัน แต่สังเกตว่าหลังคาเริ่มยุบตัวตนจึงถอยออก เกรงว่าจะถล่มลงมาจึงให้อาสารีบถอยออก ซึ่งหลังจากไฟดับ แต่ยังมีกลุ่มควันครุอยู่ด้านล่าง ต้องคุยเพื่อไม่ให้ไปปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งอาจใช้เวลาถึง 40 นาที เพราะมีพวกเศษเหล็กอยู่ใต้ล่าง และสิ่งที่ต้องระวังคือถังแก๊สและถังสี แบตเตอรี่สารเคมี ที่อยู่ใต้ล่างซึ่งยังมองไม่เห็น และน้ำเข้าไม่ถึง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่สายไฟบนเพดาน โดยทางพนักงานสอบสวนจะทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสอบปากคำ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป
//////////////










