ตร.ไซเบอร์รวบ “เอิร์ก วงวาน” เพิ่งพ้นโทษคดียาออกมาขายปืนออนไลน์ อึ้ง! ค้นเจอปืนของกลางพร้อมยาบ้ากว่า 3 พันเม็ด ไอซ์อีก 120 กรัม
ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพล
เปรมบุตร ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันศุกร์ที่ 10 ต.ค.68 เวลา 10.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์, พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน, พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ, พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ตอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตร.ไซเบอร์
รวบ “เอิร์ก วงวาน” เพิ่งพ้นโทษคดียาออกมาขายปืนออนไลน์ อึ้ง! ค้นเจอปืนของกลางพร้อมยาบ้ากว่า
3 พันเม็ด ไอซ์อีก 120 กรัม
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ยกระดับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ รวมทั้งการกระทำผิดเกี่ยวกับการซื้อขายอาวุธปืนผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ ที่อาจถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือก่อเหตุอาชญากรรมรุนแรงในสังคม อาทิ การก่อเหตุต่อชีวิตและทรัพย์สิน หรือก่อความไม่สงบในพื้นที่ต่างๆ จึงจำเป็นต้องเร่งสืบสวน ขยายผล และกวาดล้างจับกุมอย่างเข้มข้นเพื่อยับยั้ง จนนำมาสู่ปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมในครั้งนี้
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 ได้สืบสวนพบเบาะแสการซื้อขาย
อาวุธปืนผ่านกลุ่ม Facebook กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มสาธารณะที่มีสมาชิกกว่า 10,000 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มเพื่อติดต่อขอซื้ออาวุธปืน กระทั่งได้ข้อมูลว่า หากต้องการซื้ออาวุธปืนให้ติดต่อไปที่ผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “เอิร์ก วงวาน”
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปลอมตัวเพื่อติดต่อกับผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าวผ่านการวีดีโอคอลบนแอปพลิเคชัน Messenger เพื่อขอซื้ออาวุธปืน โดยเจ้าของเฟซบุ๊กชื่อ “เอิร์ก วงวาน” ได้นำอาวุธปืนออกมาแสดงให้ดู จากนั้นจึงได้ตกลงขอซื้ออาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ในราคา 35,000 บาท และนัดส่งมอบกันในพื้นที่ จ.ระยอง
เมื่อถึงวันตามที่หมาย พ.ต.ท.นพดล บุตรวงษ์ และ พ.ต.ต.สันติ ชื่นชม สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.1 จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัดเตรียมปิดล้อมจับกุมบุคคลรายดังกล่าว แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายปรากฏว่า บุคคลดังกล่าวแจ้งว่ารถเสียอยู่บริเวณ ตลาดนัดหน้าวัดป่ายุบใน ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ เมื่อเดินทางไปถึง พบนายอรรควิทย์ หรือ เอิร์ก อายุ 31 ปี นั่งคร่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวขอเข้าตรวจค้น เมื่อเจ้าตัวเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพยายามทิ้งของกลางและพยายามหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้ทัน
จากการตรวจค้น พบของกลางเป็นอาวุธปืนพกสั้นชนิดลูกโม่ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้น
แบบกึ่งอัตโนมัติ ขนาด .32 จำนวน 1 กระบอกพร้อมแมกกาซีน กระสุนปืนขนาดต่างๆ รวมจำนวน 9 นัด
โทรศัพท์มือถืออีกจำนวน 3 เครื่อง อยู่ในกระเป๋าสะพายที่เจ้าตัวโยนทิ้งขณะเข้าตรวจค้น และรถจักรยานยนต์คาวาซากิ Z900 จำนวน 1 คัน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจค้นเจอยาบ้า รวมจำนวน 3,808 เม็ด และยาไอซ์น้ำหนักรวมประมาณ 120 กรัม อยู่ในกระเป๋าสะพายอีกใบที่อยู่กับนายอรรควิทย์ อีกด้วย
จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม พบว่านายอรรควิทย์ เคยถูกจับกุมคดียาเสพติดมาแล้ว 4 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อปลายปี 2566 จากการซักถามนายอรรควิทย์ ยอมรับว่า อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และโทรศัพท์มือถือที่ตรวจยึดได้นั้นเป็นของตนเองจริง ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์มือถือที่ตรวจยึด พบว่านายอรรควิทย์ เป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “เอิร์ก วงวาน” ที่ใช้ติดต่อซื้อขายอาวุธปืนดังกล่าวจริง
ในส่วนยาเสพติดทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นเจอนั้น นายอรรควิทย์ อ้างว่าไม่ใช่ของตนเอง แต่เป็นของรุ่นน้องผู้ชายและผู้หญิงที่มาด้วยกัน แต่ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น โดยตนเองทราบเพียงชื่อเล่นและพื้นเพที่อยู่ของบุคคลทั้งสอง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน”“พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน” และ “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย” โดยเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืน ส่วนข้อหายาเสพติดเจ้าตัวให้การปฏิเสธ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมสืบสวนขยายผลไปยังแหล่งที่มาของอาวุธปืนและยาเสพติดดังกล่าวรวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่
อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป