เจ้าของที่ชี้แจง ทำสัญญาถูกต้องทุกอย่าง คู่กรณีผิดสัญญาเอง ลั่นพูดความจริงให้หมดอย่าเอาความดีเข้าตัว
นนทบุรี วันที่ 16 ส.ค.2566 เวลา 13.00 น.จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่งโพสข้อความระบุว่า “โดนสัญญาปลอมเข้าไปอีก และมีการไปปลอมลายเชนต์เจ้าของที่ ที่กรรมสรรพสามิตรบางใหญ่ ยิ่งขุดยิ่งเจออะไรที่เน่าๆมากเลย เตือนภัยนะคะ เป็นหนี้คนเยอะมากค่ะ อย่าให้เล่าเดี๋ยวจะเสียมากกว่านี้” ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้านขายข้าวแห่งหนึ่งย่านไทรน้อย ถนน ต้นเชือก- ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าว พบกับ น.ส.ปริยากร หรือเมล์ ทองนรินทร์ อายุ 32 ปี เจ้าของที่ดังกล่าว เปิดเผยข้อเท็จจริงกับทางผู้สื่อข่าวว่า กรณีดังกล่าว มีการทำสัญญาเช่าร้านกันจริง โดยสัญญาเช่า 3 ปี แต่ทางคู่กรณีผิดสัญญาในเรื่องของการจ่ายค่าเช่าเดือนละ 25,000 บาท ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ แต่ทางคู่กรณีไม่ยอมจ่าย อ้างว่าสัญญาเป็นสัญญาปลอม พอมีการทวงถามค่าเช่าก็บ่ายเบียงตลอดมา จนต้องบอกเลิกสัญญาดังกล่าวและทางคู่กรณีก็นำเรื่องราวไปโพสตามมี่เป็นข่าว
น.ส.ปริยากร หรือเมล์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 ได้มีการพูดคุยและทำสัญญาเช่าร้านกับทางคู่กรณี โดยเป็นสัญญาเช่า 3 ปี ค่าเช่าเดือนละ 25,000 บาท ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ และคิดเงินประกัน 2 เดือน และค่าล่วงหน้า 1 เดือน รวมเป็น 75,000 บาท ซึ่งในสวนนี้ทางคู่กรณีก็จ่ายไม่ครบในวันทำสัญญา มีการขอผ่อนจ่ายเงินจำนวนนี้ด้วยซึ่งตนก็ยินยอมเพราะคิดว่าเป็นการช่วยเหลือกัน ในส่วนของสัญญาเช่าทำสัญญากันในวันที่ 14 พ.ค.66 และได้มีการตกลงกันว่าจะต้องจ่ายค่าเช่าทุกวันที่ 30 ของทุกเดือนพร้อมค่าน้ำค่าไฟ พอเดือน มิ.ย.เก็บค่าเช่าเดือนแรกเขาก็จ่ายตรงตามปกติ แต่เริ่มจะมีปัญหากันเมื่อเดือน ก.ค.นี้เอง ตนก็ได้ถ่ายมิเตอร์น้ำและมิเตอร์ไฟให้ทางคู่กรณีเป็นคนคิดทั้งหมด เพราะว่ามิเตอร์ทั้งสองตัวจะคิดในรูปแบบของบริษัท เรทการคิดค่าไฟจะไม่เหมือนไฟบ้านตามปกติ ซึ่งตอนทำสัญญาก็ได้มีการพูดคุยกันและทางคู่กรณีก็รับทราบและตกลงไม่มีปัญหาอะไร รวมไปถึงได้ทวงถามถึงค่าเช่าประจำเดือน ก.ค.ว่าจะจ่ายวันไหน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ ทักไปหาก็แล้ว โทรหาเขาเขาก็ไม่สะดวกคุยบอกแค่ให้พิมพ์มา พอถึงวันที่ 30 ก.ค.ครบกำหนดที่เขาจะต้องจ่ายค่าเช่าร้านและค่าน้ำค่าไฟ แต่เขากลับไม่ยอมจ่าย พอตนทวงถามไปกลับเขาบอกว่ายังไม่ถึงกำหนด เอาสัญญามาอ้างว่าได้ถึงวันที่7 ซึ่งตนก็โอเค รอได้ แต่พอมาถึงวันที่7 เขาก็ยังไม่ยอมจ่ายค่าเช่า หาเหตุผลมาอ้างต่างๆ เช่ยเรื่องของค่าไฟ บอกว่าจะต้องคิดค่าไฟตามเรทไฟบ้านและขอคิดค่าไฟใหม่ ตนก็ยินยอม เพียงแต่ขอให้โอนค่าเช่าร้านจำนวน 25,000 บาทก่อน แต่ทางคู่กรณีก็ไม่ยอมโอน อ้างว่าเขามีภาระที่ต้องจ่ายเยอะ และขอดูสัญญาก่อนว่าถูกต้องไหม ตนก็ได้บอกทางคู่กรณีว่าตนมีภาระค่าใช้จ่ายเยอะ แต่เขากลับบอกว่าเขาเองก็มีรายจ่ายเยอะเหมือนกัน และบอกให้ตนนำเงินค่าประกันและมัดจำที่จ่ายมาตอนแรกมาใช้ซิถ้าเงินไม่พอใช้ ซึ่งทำให้ตนงงมากเพราะตนคิดว่ามันเป็นเงินคนละส่วนกัน แต่ค่าเช่าร้านเป็นภาระที่เขาต้องจ่าย แถมตนก็ไม่เคยคิดค่าปรับล่าช้าวันละ500 บาทเลย เพราะตนคิดว่าเหมือนคนรู้จักกัน ส่วนเรื่องการตัดน้ำไฟ ตนได้บอกทางคู่กรณีแล้วตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.ติดตามทวงถามมาเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 9 ก.ค. ก็ไม่ได้รับคำตอบว่าทางคู่กรณีจะจ่ายวันไหน ทักไปก็เงียบตลอด ขนาดตนพิมพ์ไปบอกว่าขออนุญาตตัดน้ำตัดไฟเขาก็ยังไม่ตอบเลย ตนจึงจำเป็นต้องเข้าไปที่ร้านและบอกน้องๆพนักงานของว่าตนจะตัดน้ำไฟแล้วนะ เพราะตนไม่เคยได้รับคำตอบที่ชัดเจนเลย ตนเองก็มีภาระที่ต้องรับผิดชอบเยอะเยะมีรายจ่ายที่ต้องจ่ายเหมือนกัน
น.ส.ปริยากร เล่าต่ออีกว่า ก่อนหน้านี้ตนและคู่กรณีไม่เคยมีปัญหาอะไรกันเลย ช่วยเหลือและซัพพอร์ตคู่กรณีทุกอย่างทั้งสั่งหินมาเทหน้าร้านบริเวณลานจอดรถ เนื่องจากกลัวว่าหน้าฝนแล้วรถจะจอดลำบาก ค่าหินค่ารถเทตนก็เป็นคนจ่ายทั้งหมด เรื่องป้ายโฆษณาที่ร้านตนก็ช่วยจ้างรถมาติดตั้งให้คิดราคาถูกกว่าที่อื่น ของตกแต่งในร้านตนก็เป็นคนเรียกช่างเข้ามาทำให้ ขอผ่อนจ่ายค่ามัดจำค่าประกันตนก็ยอม ค่าน้ำค่าไฟตนก็ให้คู่กรณีคิดเองหมดจะขาดจะเกินตนไม่เคยว่า เพราะตนเคยนับถือว่าทางคู่กรณีเป็นไอดอลจากการที่เป็นผู้หญิงและสู้ชีวิตมากอะไรที่ตนช่วยเหลือได้ตนจะช่วย แต่ไม่คิดว่าเขาจะกลับมาทำกับเราแบบนี้ ตอนนี้ยอมรับว่าเครียดมากปรึกษากับแฟนตลอด อยากให้สังคมมองความจริงก่อนตัดสินใคร ตนแค่ทำตามที่ระบุในสัญญาและเป็นฝ่ายยอมมาตลอดเพราะคิดว่าเขาเหมือนญาติพี่น้องเรา และสัญญาก็ไม่ได้เป็นสัญญาปลอมที่เขากล่าวอ้างแต่อย่างใด ตอนนี้ตนถูกมองในแง่ลบไปแล้ว










