“นายกฯอ๊อด”พร้อมปฏิบัติตามคำสั่ง ลุงป้อมและแจ้งเหตุผลแห่งการลาออกต่อ AFF,AFC และ FIFA
รอดูผลจากฟีฟ่าว่าจะมีเหตุผลลงโทษสมาคมในทางใหน ถึงสาเหตุที่การเมืองเข้ามาแทรกแซงในครั้งนี้
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2566 พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเนื้อหาการประชุมที่ได้มอบหมาย นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคม เข้าร่วมประชุมสมัชชาใหญ่ประจำปี 2565 ของคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ณ ห้องประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ถนนศรีอยุธยา ที่มี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธาน เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ผ่านมา และจากสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ทั่วไปว่า พลเอกประวิตรฯ ได้สั่งการให้ พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรับผิดชอบผลงานการแข่งขันฟุตบอล และเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทของนักฟุตบอลและสตาฟฟ์โค้ช ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่ประเทศกัมพูชา ตามคำแนะนำของ พลเอก ยุทธศักดิ์ ศศิประภา นั้น
ตนในฐานะนายกสมาคมฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแแล และจดทะเบียนกับการกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของ พลเอกประวิตรฯ โดยจะได้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไป และจะแจ้งผลและเหตุผลแห่งการลาออกต่อ สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (AFF) สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ที่มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินงานของประเทศสมาชิก ทราบ ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของสมาคมฯ ตามลำดับต่อไปตามหน้าที่ของประเทศสมาชิก
ทั้งนี้มีรายงานว่า สาเหตุที่ บิ๊กป้อม กล่าวผู้ในที่ประชุมถึง ให้ พล.ต.อ.สมยศ ลาออก เพราะมีอดีตทหารยศพลเอกท่านหนึ่ง เป่าหู เพื่อหวังเอาใจแฟนบอลและกลุ่มอดีต นายกสมาคมฯที่จดจ้องทุกวิธีจะอยากเข้าไปนั่งเป็นนายกสมาคมฯ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เพราะตั้งแต่ พล.ต.อ.สมยศ เป็นนายกสมาคมฯ มาสมัยที่ 2 ได้วางระบบสารตั้งต้น ขอสมาคมเทียบเท่านานาชาติ จนเป็นที่ยอมรับจากสมาชิกฟีฟ่า และสหพันธ์ฟุตบอลเอเซีย ซึ่งเป็นวางรากฐานระยะยาวเป็นที่ประจักษ์ในทุกมิติ ที่ให้เงินจำนวนมหาศาล และตัวพล.ต.อ. สมยศ เองก็ได้ทุ่มเททั้งกำลังทรัพย์และการวางระบบให้รองรับการพัฒนาฟุตบอลไทยตลอด แต่ด้วยปัจัยหลายอย่าง คนวงนอกไม่รับรู้ รับทราบ การถูกตำหนิครั้งนี้ ก็มีความแปลกผิดปกติมากๆ โดยวงในก็ทราบดีว่า ในส่วนตัวพล.ต.อ.สมยศ นั้นรักและเคารพ ลุงป้อม อย่างลึกซึ้งมาอย่างยาวนาน แต่ถูกปั้นจากบุคคลข้างการ ลุงป้อมเพื่อหวังปลด แล้วส่งคนของตัวเองเข้ามานั่งเก้าอี้แทน เพื่อหวังผลประโยชน์ต่างๆ ที่ พล.ต.อ.สมยศ วางระบบใว้ อย่างบริหารมืออาชีพ โปร่งใสตรวจสอบ ได้มุกมิติ จนทำให้กลุ่ม ที่สูญเสียผลประโยชน์เดิมคบคิด กับกรรมการโอลิมปิค คนข้างการลุงป้อม ลงมือเป่าหูลุงป้อม อันขาดเหตุผลที่แท้จริงลึกๆ คิดว่า พล.ต.อ.สมยศ ได้ประโยชน์จากสมาคม ซึ่งตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง พิสูจน์การได้รับเลือกจากอย่างเป็นเอกฉันท์จากสมาชิกประธานทีมฟุตบอลทั่วประเทศอย่างท่วมท้นถึง 2 วาระ ตัว พล.ต.อ.สมยศ ต้องยอมนำเงินส่วนตัวจำนวนมากเข้ามาใช้ในงบประมาณต่างๆที่ใช้บริหารวางระบบให้กับสมาคมเพื่อหวังว่าต่อไปใครมานั่งเป็นนายกสมาคมจะได้สามารถพัฒนาวงการลูกหนังให้ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง ซึ่งภาครัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญ และช่วยสนับให้สมาคมที่น้อยนิด แบบเสียมิได้ เมื่อฟุตบอลชนะก็มักเอาไปเป็นผลงาน แต่ทางกลับกันเมื่อฟุตบอลแพ้ กลับมาตำหนิแบใข้อารมณ์ แบบดีใส่ตัว ชั่วใส่คนอื่น หลังเอากระแส ทางการเมือง ซึ่งจริงแท้มีการมองว่าในทางที่ถูก พล.อ.ประวิตร เองมีนายกฯอ๊อดเป็นผู้ที่ให้ความเคารพรักตลอดมา แค่เพียงยกหูโทรเรียก นายกฯอ๊อดมาสอบถามถึงปัญหาต่างๆ และเป็นกำลังให้ในสถาการณ์แบบพี่น้องชายชาติทหาร แต่กลับเลือกที่จะฟังผู้หวังดีประสงค์ร้าย เพื่อหวังกระแสเอาใจแฟนบอลจำนวนหนึ่งเพื่อผลทางการเมือง ซึ่งปกติวิสัย ของลุงป้อมจะไม่เลือกจะใช้วิธีแบบนี้ ซึ่งเป็นผลเสียต่อประเทศ หาก นายกฯอ๊อด ใช้โอกาสนี้ชี้แจงเหตุผลที่ลาออกเพราะถูกการเมืองแทรกแซ ตามที่ฟีฟ่ากำหนดใว้ จับตาดูสมาคมฟุตบอลดูต่อไปว่าเมื่อ พล.ต.อ.สมยศ ลาออกแล้ว สมาคมฟุตบอลไทยจะถูกฟีฟ่ามีมาตราการใดกับสมาคมฟุตบอลไทยประเทศสมาชิก ต่อไปอย่างไร “ผู้ทรงคุณวุฒิในวงการลูกท่านหนึ่งกล่าว”










