กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวร้อง บช.ก. ดำเนินคดีเจ้าอาวาสใหม่ ”วัดทุ่งน้อย” นครปฐม ฐานยักยอกวัตถุมงคลมูลค่าร่วมยี่สิบล้านบาท
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 2 พ.ค. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ผู้ประสานงานองค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา พาผู้เสียหายญาติโยมลูกศิษย์ของพระครูเกษม อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งน้อย นครปฐม รวม 4 คน เข้าพบ พ.ต.ท.หญิงบุญทิวา ลิ้มศิริลักษณ์ รอง.ผกก.สอบสวน.กก.1.บก.ป. แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสรูปใหม่และบุคคลที่เกี่ยวข้อง หลังพระครูเกษม มรณภาพ เมื่อ 7 มี.ค.65 แล้วเจ้าอาวาสรูปใหม่ไม่ยอมคืนวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังต่างๆ ที่ญาติโยมนำมาฝากพระครูเกษมช่วยปล่อยหาคนเช่า หลังจำหน่ายได้ก็จะแบ่งรายได้ทำบุญบูรณะวัด ซึ่งทำกันมาเป็นประจำนานนับสิบปี แต่เจ้าอาวาสรูปใหม่บ่ายเบี่ยงอ้างเหตุผลต่างๆ ไม่ยอมคืนเจ้าของเหล่านี้ ทั้งที่ผู้เสียหายนำหลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของก็ยังไม่คืน ประชุมกับเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ มาแล้วหลายรอบแต่ก็ไม่ยอมคืน พระเครื่องที่ฝากอดีตเจ้าอาวาสไว้มีจำนวนหลายร้อยองค์ มูลค่ารวมหลายสิบล้านบาท หวั่นถูกริบไว้เป็นของส่วนตัว
โดยผู้เสียหายเล่าว่า ช่วงที่หลวงพ่อเกษม เจ้าอาวาสรูปเดิมยังไม่มรณภาพ ลูกศิษย์ขณะนี้รวมตัวได้ 6 คน จะนำพระเครื่องและวัตถุมงคลไปฝากอดีตเจ้าอาวาสไว้ เพื่อให้ผู้ที่ต้องการเช่าไปบูชา ซึ่งเงินที่ได้จากการเช่าก็จะนำไปบูรณะปฏิสังขรณ์วัด โดยทำแบบนี้มานานกว่า 20 ปี กระทั่งหลวงพ่อเกษมมรณภาพ พระเผชิญ ซึ่งเคยเป็นพระลูกวัดทุ่งน้อยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสรูปใหม่ กลุ่มลูกศิษย์ที่เคยนำวัตถุมงคลไปฝากเช่าจึงรวมตัวขอคืนวัตถุมงคลทั้งหมด แต่ปรากฏว่าเจ้าอาวาสรูปใหม่ไม่คืน แต่กลับปิดล๊อคกุฏิแน่นหนา ซึ่งมองว่ามีเจตนาต้องการเก็บพระเครื่องไว้เอง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีการทวงถามขอคืนหลายครั้ง จนล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะตำบล ในฐานะพระชั้นปกครองมีมติให้คืนวัตถุมงคลทั้งหมดที่ไม่ใช่ของวัดให้กับพวกตน แต่ปรากฏว่าเจ้าอาวาสรูปใหม่ยังไม่คืน แต่ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาวัตถุมงคลทั้งหมดก่อน แต่สุดท้ายก็ยังไม่ตั้ง ทำให้ร้อนใจต้องเข้าแจ้งความ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีการส่งคืน
ผู้เสียหาย ยังกล่าวว่า พระเครื่องที่ฝากไว้กับอดีตเจ้าอาวาสมีมูลค่าในตลาดพระเครื่องรวมประมาณ 20 ล้านบาท เช่น หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ จ.พระนครศรีอยุธยา พระซุ้มกอ ลายกนก ซึ่งเป็นพระกรุจังหวัดกำแพงเพชร หลวงปู่ตู วัดท่าล้อ และหลวงปู่ศุข วัดปากคลอมะขามเฒ่า
ทั้งนี้ยอมรับว่า ที่ผ่านมาอดีตเจ้าอาวาส และเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน เคยมีปัญหาบาดหมางกันมาก่อน ถึงขั้นไม่ร่วมวงฉันภัตตาหารด้วยกัน ส่วนกลุ่มลูกศิษย์ไม่ได้แบ่งฝ่าย แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าอาวาสรูปใหม่ถึงไม่คืนวัตถุมงคลให้
ก่อนหน้านี้เมื่อ 19 เม.ย. ผู้เสียหายกลุ่มนี้เคยมาปรึกษา พงส.บก.ป.และแจ้งความลงประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แต่เมื่อกลับไปแล้วทางวัดทุ่งน้อย ยังไม่ดำเนินการคืนวัตถุมงคลต่างๆ ที่ฝากอดีตเจ้าอาวาสปล่อยเช่าบูชา ทั้งที่มีหลักฐานภาพถ่ายแสดงความเป็นเจ้าของก็ตาม จึงเชื่อว่าเจ้าอาวาสใหม่มีเจตนาเบียดบังไว้เป็นของตนเองจึงตัดสินใจมาแจ้งความดำเนินคดีในวันนี้
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป