นนทบุรี ทุกข์ของคนรวย ! กลุ่มผู้เสียหายยกโขยงร้องทนายดังซื้อบ้านพูลวิลล่า ถูกหลอกเสียหายกว่าร้อยล้าน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 ธันวาคม 68 ที่สำนักงานมูลนิธิรณรงค์ทุนคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี กลุ่มผู้เสียหายจำนวนมาก นำเอกสารหลักฐานต่างๆ เดินทางจากจังหวัดภูเก็ต เข้าร้องเรียนกับทางทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิ ว่าที่ ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิ เพื่อขอให้ช่วยเหลือหลังจากกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดได้ไปซื้อพูลวิลล่าแห่งหนึ่ง ในจังหวัดภูเก็ต ราคาหลังละ 15-20 ล้านบาท ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลากลับโอนไม่ได้แถมบ้านที่สร้างไว้ก็ไม่เสร็จ นายหน้าที่มาขายก็หายติดต่อไม่ได้ ทำให้ทุกคนได้รับความเสียหายและเดือดร้อนอย่างหนัก
นางสาริยา (เสื้อดำ) พร้อมสามี มิสเตอร์ซาเวียร์ สัญชาติแคนาดา เล่าว่า มาซื้อพูลวิลล่า กับบริษัทบ้านริมบัว โดยมีนายชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทอลิชาแกรนด์ จำกัด และบริษัทอลิชาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด มาเสนอขายให้ในราคาไม่แพงซึ่งปลูกเป็นพูลวิลล่าในที่ดิน 16 ไร่ บ้านทุกหลังมีสระว่ายน้ำเป็นส่วนตัว ตนกับสามีเห็นว่าโครงการน่าเชื่อถือ ก็เลยตัดสินใจซื้อไว้ 1 หลังในราคา 15 ล้านบาทโดยจ่ายเงินดาวน์ไปแล้ว 3.3 ล้านบาท ตั้งใจว่าอนาคตจะอยู่กับสามีและลูกเพราะตอนนี้ตนกำลังตั้งท้อง 6 เดือน ไม่คิดว่าจะมาถูกหลอกลวง โดยเฉพาะสามีซึ่งมีความรู้สึกดีๆต่อคนไทย กลับมีความรู้สึกแย่ที่มาเจอคนไทยหลอกคนไทยด้วยกันแบบนี้ (พูดไปร้องไห้ไป) อยากให้ทนายรณรงค์ช่วยเหลือในเรื่องคดีด้วย
ส่วนคุณยายพวงเพ็ญ อายุ 84 ปี ซึ่งซื้อพูลวิลล่าไว้ ราคา 20 กว่าล้าน และจ่ายเงินไปหมดแล้ว หวังว่าจะได้มาอยู่กับลูกสาว เพิ่งจะเดินทางกลับมาจากอเมริกาและมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบั้นปลาย แต่กลับถูกหลอก ไม่สามารถโอนบ้านให้ได้อีกทั้งบ้านที่ซื้อไว้ก็ยังสร้างไม่เสร็จตามสัญญา ทุกวันนี้ก็มีเพียงแค่โครงบ้าน สร้างไปไม่ถึง 50% ด้วยซ้ำ ตนอายุมากและเสียใจที่มาถูกหลอกแบบนี้ ลูกสาวที่อยู่เมืองนอกต้องคอยพูดคุยและให้กำลังใจปลอบใจไม่ให้คิดมาก ก็หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากทางมูลนิธิรณรงค์ในเรื่องคดี
ขณะที่นายธงชัย ทองจรัญ ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า วันนี้มีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนซื้อบ้านจากนายชัยวัฒน์ แล้วถูกโกงเป็นจำนวนมากนับ 10 ราย ค่าเสียหายเบื้องต้นน่าจะเกิน 100 ล้านบาท ตนเองซื้อบ้านหลังละ 15 ล้าน ถึงเวลาบ้านกลับสร้างไม่เสร็จตามที่ทำสัญญาซื้อขายกันไว้ เมื่อทวงถามจากนายชัยวัฒน์ก็ได้รับการปฏิเสธและบ่ายเบี่ยง สุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้ จนพวกตนมาทราบล่าสุดว่า ที่ดิน 16 ไร่ที่ปลูกพูลวิลล่าแห่งนี้ ไม่ใช่เป็นของนายชัยวัฒน์ แต่เป็นของนักการเมืองชื่อดัง ระดับนายกเทศมนตรี ท้องถิ่นของจังหวัดภูเก็ต และยังเป็นหัวคะแนนให้พรรคการเมืองชื่อดัง(พรรคสีน้ำเงิน) รู้สึกว่าคดีน่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งๆที่ตนเองก็ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.ถลางจังหวัดภูเก็ตแล้ว จึงเกรงว่าอาจถูกอิทธิพล แทรกแซงทำให้คดีไม่มีความคืบหน้า จึงต้องรวมตัวกันมาร้องทนายรณรงค์ดังกล่าว
ขณะที่ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ กล่าวว่า เนื่องจากมีการโปรโมทใช้นางแบบสาวสวยจากต่างประเทศมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ทำให้ กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อและไว้ใจมาซื้อพูลวิลล่ากันเป็นจำนวนมาก แต่สุดท้ายก็มาโดนหลอกบ้านสร้างไม่เสร็จตามที่ทำสัญญากันไว้
ด้านทนายรณณรงค์ เผยว่า คดีแบบนี้ เข้าข่ายร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยเฉพาะ บริษัทที่ขายบ้าน มีชื่อ ของลูกชายลูกสาว นายกเทศมนตรีแห่งหนึ่งในจังหวัด เป็นเจ้าของ เบื้องต้นต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่ารู้เห็นกับนายชัยวัฒน์หรือไม่ แต่จากการตรวจสอบหลักฐานเอกสารต่างๆ พบว่ามีการเกี่ยวโยงเชื่อมโยงกัน ทางมูลนิธิจะพากลุ่มผู้เสียหายไปร้องยังทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ก็กองบัญชาการสอบสวนกลาง เพื่อให้ดำเนินการช่วยเหลือ เนื่องจากกลุ่มผู้เสียหายซื้อบ้านในเครือของบริษัทนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังและยังเป็นหัวคะแนนให้กับพรรคการเมืองอาจไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนจะพาผู้เสียหายทั้งหมดไปร้องเรียน กับผู้ใหญ่ในกระทรวง ที่เกี่ยวข้องต่อไป











