กองปราบร่วมกับชุดสืบสวน สภ.หาดใหญ่ ประสานงานรวบมือปืน
หนีคดีฆ่า ไปบวชที่ประเทศเมียนมา
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.,
พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต
ชูแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.อนุสรณ์ ทองไสย ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล ,พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิยโย, พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ ,พ.ต.ท.วชิระ ศุภพิสิฐกุล พ.ต.ท.กิติภูมิ ศรีแผ้ว รอง ผกก.6 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ธนาคาร อุชณรัศมี สว.กก.6 บก.ป. พร้อมพวก
เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หาดใหญ่ นำโดย พ.ต.ท.สุรพัฒน์ อาดสะอาด
ร่วมกันจับกุม นายศักเดช ฯ อายุ 25 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสงขลาที่ 968/2567 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2567 ข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา,มีซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต,พาอาวุธปืนไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์และยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมชน”
สถานที่จับกุม ด่านตรวจคนเข้าเมือง จังหวัดเชียงราย
ด้วยเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 เวลา 19.36 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ได้รับแจ้งเกิดเหตุยิงกันบริเวณปากซอยโชคสมานคุณ 3 เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา หลังจากตำรวจชุดสืบสวน สภ.หาดใหญ่ ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทราบว่ามีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย อายุ 20 ปี ถูกยิงเข้าลำตัวหลายนัด ญาติและชาวบ้านได้พาตัวส่งโรงพยาบาลหาดใหญ่ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืน 9 มม.ตกอยู่บนถนน 8 ปลอกจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สอบสวนเหตุการณ์
ในเบื้องต้นทราบว่า ขณะเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิต นั่งอยู่หน้าบ้าน จากนั้นได้มีคนร้ายซึ่งเป็นคู่อริได้ขับรถจักรยานยนต์สวมใส่ชุดไรเดอร์มาจอดตรงหน้าแล้วชักอาวุธปืนออกมากระหน่ำยิงไม่ยั้ง 8 นัดซ้อน ขณะนั้นผู้เสียชีวิตพยายามวิ่งหนีตายเข้าไปในซอยและล้มลง ชาวบ้านได้เข้าไปช่วยพาตัวส่งโรงพยาบาล แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณเกิดเหตุ ได้ยิงเสียงปืนดังขึ้นชัดเจนถึง 8 นัด และภาพของคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตำรวจชุดสืบสวนติดตามตัวและทราบเบาะแสแล้วโดยเป็นคู่อริที่มีเรื่องเขม่นกันมาก่อน และมีการโทรศัพท์มาท้าทายกันก่อนที่จะขับรถมายิง
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบว่าคนร้ายในคดีนี้คือ นายศักเดช ฯ หรือ เต้ หน้าพระ จึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ
และ ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ขึ้นบัญชีผู้ร้ายรายนี้เป็นผู้ร้ายสำคัญปฏิทินหมายจับลำดับที่ 184
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันสืบสวนเรื่อยมา จนประมาณเดือนกันยายา 2568 ได้รับแจ้งจากสายลับว่าซึ่งน่าเชื่อถือ นายศักเดชฯ ได้หลบหนีไปบวชอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้สืบสวนเพิ่มเติมจนแน่ใจว่านายศักเดชฯ ได้ไปบวชตามที่ได้รับแจ้งจริง จึงได้ประสานงานไปยังผู้ช่วยฑูตตำรวจประจำเมืองย่างกุ้ง เพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหานี้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดลาดตระเวนเขตเมืองท่าขี้เหล็กจะได้เข้าตรวจสอบวัด ตามที่ได้รับแจ้ง และเข้าจับกุมนายศักเดชฯ ขณะอยู่ในกุฎิ ของวัด และได้ดำเนินคดี ตามกฎหมายคนเข้าเมืองของประเทศเมียนมา
ซึ่งทางประเทศเมียนมาได้ประสานงานเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมไปรับตัวผู้ต้องหารายนี้
จากการสอบถามผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า ตนกับผู้ตายไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่ผู้ตายมีเรื่องกับเพื่อนของตนเป็นเรื่องผู้หญิงและมีการท้าทายว่าจะยิงกัน ซึ่งในวันเกิดเหตุหลังจากมีปากเสียงกับผู้ตาย นายศักเดชฯ ได้ขับรถจักรยานยนต์ไปตามคำท้าทายของผู้ตาย และขณะที่นายศักเดชฯ ได้เปิดกระจกหมวกกันน็อค ผู้ตายได้ชักปืนยิงใส่นายศักเดชฯ ก่อน ทำให้รถเสียหลัก นายศักเดชฯ จึงใช้อาวุธปืนยิงไปยังผู้ตายจำนวน 4 นัด
หลังจากนั้นได้หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ และต่อมาได้ตัดสินใจเดินทางหลบหนีไปยังจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา โดยได้ใช้ช่องทางธรรมชาติในการหลบหนี

“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”








