สืบดอนเมือง ตามรวบหนุ่มแดนน้ำหอม ตระเวนลักทรัพย์ในสนามบิน
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.2 และ พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ รอง ผบก.บก.น.2 สั่งการให้พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.ดอนเมือง โดย พ.ต.ท.อำนาจ ฉ่ำชะเอม รอง ผกก.สส.สน.ดอนเมือง พ.ต.ท.ภาคิน ดอกไม้ พ.ต.ต.ชยพัทธ์ หีบทอง สว.สส.สน.ดอนเมือง ร่วมกันจับกุมตัว MR.David (เดวิด) สัญชาติฝรั่งเศษ อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 6367/2568 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ในความผิดฐาน ลักทรัพย์ในท่าอากาศยานในเวลากลางคืน โดยจับกุมบริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งซอยสุขุมวิท 97 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. เวลาประมาณ 18.00 น. ( 8 พ.ย. ) ที่ผ่านมา
ก่อนการจับกุมช่วงเดือน กันยายน – ตุลาคม เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุของหายในสนามบินดอนเมือง อยู่บ่อยครั้งสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่มาใช้บริการในสนามบินเป็นจำนวนมาก ทาง พ.ต.อ.ภูวดล อุ่นโพธิ ผกก.สน.ดอนเมือง จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวน ออกหาข่าวและทำการสืบสวน มาโดยตลอดจนพบตัวคนร้าย คือ MR.David (นายเดวิด ) อายุ 35 ปี สัญชาติฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับไว้เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568
กระทั่งวานนี้ ( 8 พ.ย. ) เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายข่าว พบ ตัวนายเดวิด เข้าไปเช่าห้องพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 97 แขวงบางจาก เขตพระโขนง จึงนำกำลังไปเฝ้าสังเกตการณ์สืบสวนตามข้อมูลที่รับแจ้ง กระทั่งเวลาประมาณ 17.55 น. ได้พบชายมีลักษณะรูปพรรณตรงกับผู้ต้องหาที่ถูกหมายจับ ปรากฏตัวที่หน้าโรงแรม เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และขอตรวจสอบชื่อสกุล พบเป็นบุคคลเดียวกัน เบื้องต้นนายเดวิด ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง แต่ในชั้นจับกุมให้การปฎิเสธ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้จากแนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่พบหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดขณะก่อเหตุ โดยคนร้ายจะทำทีเป็นผู้โดยสารมาใช้บริการตามปกติ โดยเข้ามาทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง จากภาพจะเห็นตอนเข้าสะพายเป้มาเพียงใบเดียว และจะเดินไปตามจุดต่างๆในสนามบินเพื่อดูว่ามีใครวางทรัพย์สินหรือกระเป๋าไว้โดยไม่มีคนดูอยู่ แล้วจะเดินไปเอากระเป๋าตัวเองวางไว้ใกล้ๆ เมื่อสบโอกาสเห็นว่าไม่มีเจ้าของอยู่ใกล้ๆ ก็จะหยิบทรัพย์สินหรือกระเป๋า สะพายเดินออกจากจุดเกิดเหตุไปขึ้นรถไฟฟ้าสายสีแดงโดยทันที อย่างไรก็ตามจากการสืบสวนยังพบว่าหลังก่อเหตุแล้วก็จะนำทรัพย์สินที่ได้มาไปขายตามร้านรับซื้อของมือสอง ด้วยความดป็นต่างชาติทำให้ร้านต่างๆไม่ได้เกิดความสงสัยอะไร เมื่อได้เงินมาก็จะไปแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินยูโร แล้วนำเข้าบัญชีตัวเองเพื่อใช้จ่าย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังเชื่อว่าน่าจะก่อเหตุในลักษณะนี้อีกหลายครั้งไม่ใช่เพียงในสนามบินเท่านั้น










