ตำรวจไซเบอร์ล่าเครือข่ายหลอกติดตั้งแอปดูดเงิน อายัดเงินได้ทัน 3.6 แสน เตรียมนำคืนผู้เสียหาย
ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
วันศุกร์ที่ 31 ต.ค.68 เวลา 13.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.คมกฤช สุขไทย ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 และ พล.ต.ต.ศิลา กาญจน์รักษ์ ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ล่าเครือข่ายหลอกติดตั้งแอปดูดเงิน อายัดเงินได้ทัน 3.6 แสน เตรียมนำคืนผู้เสียหาย
สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.1 บก.สอท.5 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประเสริฐ หวังบุญสร้าง รอง ผกก.ฯ พ.ต.ท.ญาณศักดิ์ บุญสนอง สว.สส.ฯ ได้สืบสวนขยายผลจากกรณีที่มีผู้เสียหายในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ถูกแก๊งสแกมเมอร์อ้างตัวเป็นบริษัทพัสดุหลอกลวงให้ติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมแล้วกรอกข้อมูลส่วนตัว จากนั้นคนร้ายได้เข้าควบคุมโทรศัพท์และทำการโอนเงินของผู้เสียหายออกจากแอปพลิเคชันธนาคารหรือ Mobile Banking ทุกบัญชี จนสูญเงินรวมกว่า 1.2 ล้านบาท
จากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่าเมื่อแก๊งสแกมเมอร์ดังกล่าวควบคุมโทรศัพท์ผู้เสียหายได้แล้ว ได้โอนเงินของผู้เสียหายไปยังบัญชีธนาคารต่างๆ รวมทั้งกระเป๋าเงินดิจิทัลของแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่เตรียมไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ โดยมีลักษณะการกระทำที่เป็นเครือข่ายหรือขบวนการ มีการแบ่งแยกหน้าที่กันชัดเจน มีทั้งกลุ่มที่ทำหน้าที่หลอกลวง กลุ่มที่ทำหน้าที่จัดหาบัญชี กลุ่มที่ทำหน้าที่ถอนเงินในทันทีเมื่อมีเงินของผู้เสียหายโอนเข้ามาเพื่อป้องกันการถูกอายัดบัญชี
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ต ออกหมายจับเครือข่ายผู้ต้องหาไว้จำนวน 5 ราย แบ่งเป็นในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร 1 ราย และ จ.เชียงราย 4 ราย โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว จำนวน 4 ราย
โดยดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันหรือสนับสนุนการฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นโดยทุจริต เพื่อหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ และร่วมกันหรือสนับสนุนในการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจากแก๊งสแกมเมอร์เพื่อใช้บัญชีธนาคารเป็นบัญชีรับเงินและถอนเงิน โดยแก๊งสแกมเมอร์จะแจ้งให้ไปรออยู่ที่บริเวณหน้าธนาคาร หรือหน้าตู้ ATM จากนั้นเมื่อมีเงินโอนเข้ามาก็จะได้รับคำสั่งให้ถอนเงินสดออกมาในทันที โดยได้รับค่าตอบแทน ร้อยละ 4 ของยอดเงินที่โอนเข้า
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ โดยจากปฏิบัติการนี้สามารถติดตามอายัดเงินได้จำนวน 362,293.27 บาท และจะได้นำคืนให้แก่
ผู้เสียหายต่อไป









