นนทบุรี คืบหน้า วงจรปิด ตร.บางบัวทองรวบหัวหน้าแก๊งเงินกู้โหดคาบ้านเช่า หลังบุกทำร้ายเจ้าของร้านเสริมสวย แจ้ง 7 ข้อหาหนัก
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 28 ตุลาคม 2568 ที่สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก. สภ.บางบัวทอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สามารถจับกุมตัว นายชลนัย ฟูแสง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118 หมู่ 5 ตำบลสว่างอารมณ์ อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.1434/2568 ลงวันที่ 25 ตุลาคม 2568 โดยผู้ต้องหาถูกกล่าวหาตามหมายจับรวม 7 ข้อหา ได้แก่ 1.ร่วมกันประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด 3.ร่วมกันทวงหนี้โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย 4.ร่วมกันข่มขืนใจให้ผู้อื่นกระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยขู่เข็ญว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกาย 5.ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส 6.ร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน 7.ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณถนนเมนภายในหมู่บ้านแสงบัวทอง หมู่ที่ 8 ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ขณะผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่กับภรรยาและลูก
พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้สืบเนื่องจากคดีเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพกลุ่มชาย 3 คน บุกเข้าทำร้ายเจ้าของร้านเสริมสวยวัย 57 ปี ภายในพื้นที่บางบัวทอง โดยฝ่ายสืบสวนได้เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบพยานหลักฐาน จนทราบตัวผู้ก่อเหตุและขอศาลอนุมัติหมายจับ กระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในวันนี้
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายชลนัยให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าเคยเป็นลูกมือของกลุ่มปล่อยเงินกู้ในพื้นที่อื่นมาก่อน และต่อมาได้ออกมาทำธุรกิจปล่อยกู้นอกระบบด้วยตนเองในพื้นที่บางบัวทอง ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการอีก 2 ราย ซึ่งทราบชื่อและที่อยู่แล้ว
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับทั้งหมด พร้อมเตรียมนำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดนนทบุรีในวันพรุ่งนี้ โดยผู้ต้องหามีสิทธิ์ยื่นขอประกันตัวตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา
พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าตำรวจไม่ได้เพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของประชาชน ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อกลุ่มปล่อยเงินกู้นอกระบบ เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและเสี่ยงต่อการถูกเอาเปรียบ พร้อมฝากถึงผู้ประกอบธุรกิจเงินกู้นอกระบบว่า หากฝ่าฝืนกฎหมายจะถูกดำเนินคดีในทุกข้อหาโดยไม่ละเว้น พร้อมยืนยันว่าตำรวจไม่เกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มเหล่านี้ และจะเร่งกวาดล้างอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในพื้นที่










