’จ่าคิงส์‘พา ”นางสาวไทยจว.นครนายก ปี 2558 “น้องแพนนี่ พร้อมแม่นก”ร้องกองปราบ บช.ก.ขอเปลี่ยนตัว พงส. และเร่งรัดคดีปริศนาการเสียชีวิตจากพิษไซยาไนด์ คาคอนโดหรูหลังอัยการความเห็นว่า “เป็นการกระทำผิดทางอาญา” เชื่อถูกฆาตกรรม
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 ต.ค.68 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พา น.ส.กมลพัฒน์ สหัสธัชพงศ์ หรือ แม่นก (มารดา)อายุ 53 ปี และ น.ส.บุษยรินทร์ หรือ แพนนี่ สหัสธัชพงศ์ (น้องสาว) อายุ 18 ปี นางสาวไทยจังหวัดนครนายกปี 2568 พี่สาวของ น.ส.พราวรวี สหัสธัชพงศ์ หรือ “โยโกะ”ผู้เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำภายในคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท ย่านเอกมัย เมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ ผบช.ก. และ ผบก.ป.ให้เข้ามารับผิดชอบและเร่งรัดการคลี่คลายคดีลูกสาวที่เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง
น.ส.กมลพัฒน์ เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนคือ นส.พราวรวี หรือ “โยโกะ” ได้เสียชีวิตในห้องพักคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท เมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 โดยก่อนหน้านั้นในคืนวันที่ 31 ต.ค.66 โยโกะพักอยู่กับแฟนหนุ่มเพียง 2 คน คือ นายวันเผด็จ หรือ “โป้ง”
ผลชันสูตรออกมาอย่างชัดเจนว่า โยโกะเสียชีวิตด้วยภาวะพิษไซยาไนด์
มารดาผู้เสียชีวิตกล่าวอ้างว่า ต่อมาพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนส่งอัยการ โดยระบุว่าญาติไม่ติดใจการเสียชีวิต และส่งสำนวนไปยังสำนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ 4
คดีดังกล่าวถูกยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ และสำนวนคดีได้ค้างอยู่ที่สำนักงานอัยการกรุงเทพใต้ 4 เป็นเวลานานถึง 2 ปี
แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ก.ย.68 อธิบดีอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ ได้มีความเห็นว่า “เป็นการกระทำผิดทางอาญา” และมีคำสั่งให้ส่งสำนวนคืนแก่พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการสอบสวนต่อไป
ทั้งที่ตนติดใจสาเหตุการตายของโยโกะ มาตลอด ได้ทำเรื่องขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนทั้งที่ สน.คลองตัน , บก.น.5 และ บช.น. แต่ยังไม่ทราบผล จนมีหนังสือจากอัยการ แจ้งมาว่า“ พิจารณา สั่งคดีแล้วเห็นว่า การตายของผู้ตายอาจเกิดจาก การกระทำผิดอาญา จะมีคำสั่งคืนสำนวนการสอบสวนชันสูตรพลิกศพ ดังกล่าวให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบสวนต่อไปอีก โดยกำหนดประเด็นให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการแล้ว โดย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้4 มีหนังสือคืนสำนวน ฯ ให้พนักงานสอบสวนสน. คลองตันเมื่อ 30 ก.ย.68
น.ส.กมลพัฒน์ มั่นใจว่าการเสียชีวิตของลูกสาวตนผิดปกติ มีเงื่อนงำ และมีพิรุธหลายอย่าง โดยเชื่อว่า “โยโกะ” ถูกฆาตกรรม ถูกหลอกให้กินยาไซยาไนด์ที่ผสมในแคปซูล ซึ่งมีข้อสงสัย เช่น
-ในวันที่ 31 ต.ค.66 แฟนหนุ่มของลูกสาวได้แชทไลน์ถามโยโกะซ้ำๆ หลายครั้งว่า “ได้กินยาแล้วหรือยัง”
-ไม่พบ DNA หรือลายนิ้วมือของผู้ตายที่ขวดไซยาไนด์เลย
-กล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุได้ถูกลบหายไปอย่างน่าสงสัย
วันนี้ น.ส.กมลพัฒน์ จึงได้มาร้องขอความเป็นธรรมจาก จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ -ประสานกองปราบฯ ขอให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้ามาช่วยเร่งรัดคดี
-ขอเปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบคดี ให้เปลี่ยนมาเป็นพนักงานสอบสวนของกองปราบปราม แทนพนักงานสอบสวนของ สน. ผู้รับผิดชอบคดีเดิม
-เตรียมแจ้งความเจ้าหน้าที่อาจจะมีการพิจารณาแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดที่อาจจะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือเข้าปรึกษาทางกองปราบฯ เพื่อหาช่องทางดำเนินคดีต่อไป
คดีปริศนาการเสียชีวิตของ “โยโกะ” ยังคงเป็นที่จับตาของสังคม และการตัดสินใจของอัยการที่ชี้ว่าเป็นการกระทำผิดทางอาญาก็เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการค้นหาความจริง เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
สำหรับคดี “โยโกะ” พริตตี้สาว เสียชีวิตปริศนาด้วยไซยาไนด์ในห้องพักย่านเอกมัย โดยผลชันสูตรพบ สารไซยาไนด์ ในร่างกาย และตำรวจได้สรุปคดีเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2567 ว่าเป็นการ ฆ่าตัวตาย เนื่องจากมีประวัติรักษาโรคซึมเศร้า และพบหลักฐานการสั่งซื้อไซยาไนด์ รวมถึงผู้ตายเพิ่งทราบว่าแฟนหนุ่มมีภรรยาอยู่แล้ว
ซึ่งทาง น.ส.ธัญพัฒน์ สหัสธัชพงศ์ มารดาของน้องโยโกะ ไม่เชื่อว่าลูกสาวฆ่าตัวตาย และยังคงเก็บศพไว้ไม่ได้เผา โดยตั้งข้อสงสัยในหลายประเด็น กล้องวงจรปิดหน้าห้องมีช่วงเวลาที่หายไป ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ถูกลบไป / ข้อความในไลน์จากแฟนหนุ่ม คะยั้นคะยอให้กินยา / ลูกสาวเพิ่งทราบว่าแฟนหนุ่ม มีภรรยาที่แต่งงานแล้ว โดยวันที่เสียชีวิตเป็นวันเกิดของภรรยาแฟนหนุ่ม ทำให้สงสัยว่าแฟนหนุ่มอาจนำไซยาไนด์ใส่ในแคปซูลยาของลูกสาว / การทำงานของเจ้าหน้าที่ พบว่ารูปภาพในโทรศัพท์ของลูกสาว หายไป 21 รูป หลังถูกนำไปตรวจสอบ
ข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ เผยว่าได้รับข้อมูลจากคุณแม่ว่า การสั่งซื้อไซยาไนด์มาจาก แหล่งเดียวกับคดีดัง (แอมและเบียร์) มีไทม์ไลน์สั่งซื้อ 5-6 ก.ย. มีการโทรกลับจากบริษัทเพื่อตรวจสอบสาเหตุการซื้อ แต่ไม่มีผู้รับสายจากโยโกะ ต่อมามีหลักฐานว่า แฟนหนุ่มบังคับให้โยโกะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ และทำลายเบอร์เดิมห้ามแบ็กอัปข้อมูล วันที่ของมาส่งที่นิติฯ คอนโด (12 ก.ย.) แฟนหนุ่มก็บังเอิญเดินไปที่นิติฯ เช่นกัน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่น่าสงสัย ยังสงสัยว่าลูกสาว รับสารพิษเข้าไปทางไหน เนื่องจากตอนเสียชีวิตเป็นการนอนนิ่งอยู่บนเตียง
ด้าน พล.ต.วิชัย สังข์ประไพ (อดีต รอง ผบช.น.) เผยว่าตำรวจได้สอบสวนทุกประเด็นแล้ว แต่ ไม่พบหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่ามีคนทำให้ตาย และสรุปว่าแฟนหนุ่ม ไม่มีมูลเหตุจูงใจ การรื้อคดีทำได้ยาก เว้นแต่ครอบครัวจะมีหลักฐานใหม่

ด้านแฟนหนุ่ม ยืนยันว่าได้ให้ข้อมูลกับตำรวจไปหมดแล้ว ไม่หนักใจที่แม่จะขอรื้อคดี และ ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ย
วข้อง กับการเสียชีวิตของโยโกะ








