ตามจับ 2 หนุ่มดอย เครือข่ายหลอกลงทุนเพจชาตรามือปลอม ตระเวนกด ATM-ถอนเงินเหยื่อทุกวันกว่าเดือนละ 10 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก.
ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผบก.ปอท.,
พ.ต.อ.ประดิษฐ์ เปการี, พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์, พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท., พ.ต.อ.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผกก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.สัญญา นิลนพคุณ, พ.ต.ท.เสริมศักดิ์ น้อยหัวหาด, พ.ต.ท.อิสรพงศ์ ทิพย์อาภากุล
รอง ผกก.3 บก.ปอท.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ชัยณรงค์ จอมเล็ก, พ.ต.ท.ณรงค์ฤทธิ์ พุ่มพวง, พ.ต.ท.หญิงภาพิมล ชัยขันธ์, พ.ต.ท.ประดิษฐ์ สุวรรณดี, พ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี สว.กก.3 บก.ปอท., พ.ต.ท.ปกฉัตร สงวนแวว
สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท., ร.ต.อ.ประมุข ภิรมย์เจียว, ร.ต.อ.หญิง ศรุตา ขันธรูจี, ร.ต.อ.หญิงศรุตา ขันธรูจี, ร.ต.ต.เอก ครองบุญ รอง สว.กก.3 บก.ปอท., ร.ต.ต.อาคม ขาวเต็มดี, ร.ต.ต.นิรันดร์ พวงทอง, ด.ต.ธีรศักดิ์ พรภักดี, ด.ต.เสริมศักดิ์ บัวขาว, ส.ต.อ.ยศพล เคียงสูงเนิน ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอท.
ร่วมกันจับกุม นายสมชัยฯ อายุ 27 ปี บุคคลตามหมายจับศาลอาญาที่ 8510/2568 ลง 2 ตุลาคม 2568 และ นายมงคลฯ อายุ 43 ปี บุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5812/2568 ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2568
ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, โดยทุจริตหรือหลอกลวง ร่วมกัน นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน,สมคบโดยการตกลงตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้า สน.สุทธิสาร แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กทม. และบริเวณหน้าแมนชั่น แขวงหัวหมาก สน.สุทธิสาร ถ.รัชดาภิเษก แขวงรัชดาภิเษก เขตบางกะปิ กทม.
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่ามีเพจชาตรามือปลอม ยิงแอดโฆษณาผ่านเฟสบุ๊ค ชักชวนให้ลงทุน เมื่อกดที่โฆษณา เพจดังกล่าวจะส่งลิงค์ให้เพิ่มเพื่อน Line Official
และดึงเข้ากลุ่มที่มีหน้าม้าเป็นสมาชิกกว่า 350 คน ก่อนจะส่งลิงค์ https://app.oiuqxzcco.cc/user ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลอกลงทุน
โดยเมื่อกดแคมเปญแรก ได้เงินเข้าบัญชี 348 บาท ผู้เสียหาย จึงหลงเชื่อและโอนเงินเพื่อลงทุน โดยคนร้ายจะมีข้ออ้างต่างๆนาๆในการให้โอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อปลดล็อกบัญชีและถอนเงิน
จากเครดิตที่แสดงในแพลตฟอร์มปลอม จนผู้เสียหายโอนไปรวม 6 ครั้ง กว่า 1 ล้านบาท และไม่สามารถ
ถอนเงินได้ จึงรู้ตัวว่าถูกหลอกและได้เข้าแจ้งความ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีการนำเงินออกจากบัญชีม้าทันที
ทั้งการถอนเงินสดที่สาขาธนาคาร และ กด ATM ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและพิสูจน์ทราบตัวคนร้ายและขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาต่อศาล
โดยจากการสืบสวนทราบว่าตัวการในการคุมบัญชีม้าไปตระเวนถอนเงินสดที่สาขาธนาคาร คือ
นายสมชัยฯ ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ย่านรามคำแหง และตัวการในการตระเวนกด ATM คือ นายมงคลฯ พักอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ ย่านบางกะปิ จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลเข้าทำการตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหา และตรวจยึดของกลาง ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ, บัตรเอทีเอ็ม, สมุดบัญชี ของบัญชีม้า และเสื้อผ้าที่ใช้ในวัน
ก่อนเหตุ นำส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
โดยนายสมชัยฯ รับว่าเป็นผู้พาบัญชีม้าไปตระเวนถอนเงินวันละกว่า 1 ล้านบาท จากนั้นจะนำไปส่งที่ร้านรับแลกคริปโตเถื่อนสกุล USDT ย่านห้วยขวาง
โดยจะได้รับค่าจ้างวันละ 3,000-5,000 บาท ส่วนนายมงคลฯ รับว่า เป็นผู้ตระเวนกด ATM โดยจะไปที่ ATM และถ่ายคิวอาร์โค้ด สำหรับถอนเงิน ส่งให้บัญชีม้าสแกน
คิวอาร์โค้ดจากระยะไกล เพื่อทำการถอนเงินและนำไปส่งให้ผู้ร่วมขบวนการต่อไป
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวแล้วและจะได้ขยายผลออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวต่อไป โดยทั้งนายสมชัยฯ และ นายมงคลฯ รับว่า
มีการตระเวนถอนเงินและกดเงินสดทุกวัน รวมกว่า 10 ล้านบาทต่อเดือน
เตือนภัย ไม่ควรหลงชื่อเพจที่มีการชักชวนให้ทำภารกิจต่างๆ เพื่อรับผลตอบแทนซึ่งเป็นขบวนการเดียวกับมิจฉาชีพ และพบว่า มีการใช้บัญชีม้านิติบุคคล เพื่อรับโอนเงินจากผู้เสียหายเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ
การกระทำใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรับ โอน ถือครอง หรือแปลงสภาพทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดถือเป็นความผิดฐานฟอกเงิน มีโทษทั้งจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำ
ทั้งปรับ ผู้กระทำผิดจะต้
องรับผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งตามกฎหมาย