“รุทธพล” ยันไม่แทรกแซงคดี “เขากระโดง-ฮั้ว สว.”
รมว.ยธ. มอบนโยบาย ก.ยุติธรรม ยันไม่แทรกแซงคดี “เขากระโดง-ฮั้ว สว.” รอฟังคำพิพากษา
วันนี้ (2 ต.ค.) เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุม 10-01 ชั้น 10 อาคารกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยหลังการประชุมมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติงานข้าราชการกระทรวงยุติธรรม ว่า วันนี้ได้มอบนโยบายต่างๆ ทั้ง เรื่องโครงการอันเนื่องจากพระราชดำริ ซึ่งทำในฐานะ รมว.ยุติธรรม และในฐานะที่เป็นคนไทย ส่วนนโยบายอื่น เช่น การปราบปรามพนันออนไลน์ สแกมเมอร์ ยาเสพติด และนโยบายเพื่อประชาชนอื่นๆ เป็นต้น แต่สำหรับข้อครหาเรื่องคดีสืบสวนเขากระโดง และฮั้ว สว.นั้น ไม่ได้มีการพูดคุยในที่ประชุมกับดีเอสไอ เพราะเคยพูดกันในวันแรกที่เข้ารับหน้าที่ รมว.ยธ. รวมถึง เรื่องเขากระโดงก็เป็นข้อพิพาทระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กับคู่กรณี ซึ่ง รฟท. จะมีการฟ้องทุกแปลงอยู่แล้ว จึงควรรอฟังคำพิพากษา
พล.ต.ท.รุทธพล เผยว่า ที่ผ่านมา มีการประกาศจะไปยึดและเพิกถอนโฉนดที่ดินต่างๆ พบว่าผ่านมา 2 เดือน ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ และส่วนเรื่องฮั้ว สว. ก็เป็นการดำเนินการของ กกต. อยู่แล้ว ซึ่งขั้นตอนต่างๆ ข่าวและเรื่องของสำนวนที่ออกมาสู่สาธารณะค่อนข้างมาก ถือเป็นเรื่องผิด และตนก็ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะทุกสิ่งอย่างตนต้องถามการรายงานความคืบหน้าจาก ปลัด ยธ. การจะไปแทรกแซงมันสุ่มเสี่ยงต่อการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของตน เพราะมีเวลาเพียง 4 เดือน และการขับเคลื่อนงานภายในกระทรวงยุติธรรม ก็มีหลายหน่วยงานในกระทรวงฯ ไม่ได้ทำเพียงแค่ 2 เรื่องนี้ มีงานที่ต้องทำเพื่อประชาชนอีกเยอะ
“ฉะนั้น เรื่องเขากระโดงก็ขอรอผลคำพิพากษาที่ รฟท. ได้ไปยื่นดำเนินการก่อน ส่วนฮั้ว สว. ก็ต้องไปถาม กกต. เพราะก็ทราบว่าปัจจุบันนี้คดีฮั้ว สว. ได้ผ่านขั้นตอนของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ไปถึงชั้นของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง คณะที่ 36 จากนั้นจึงไปสู่ชุดคณะกรรมการ กกต.ชุดใหญ่ ก่อนที่ กกต. จะยื่นต่อศาลฎีกาฯ ตามขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตาม ข้อครหาของสังคมพุ่งเป้ามาที่ผมก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร คงต้องดูในการกระทำหลังจากนี้ไป”
เมื่อถามว่าคดีเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ยังเป็นเพียงเรื่องสืบสวนของดีเอสไอ และ รมว.ยธ. ก็อ้างว่าต้องรอคำพิพากษาศาลภายหลังจากที่ รฟท. ไปฟ้องดำเนินคดี หมายความว่าดีเอสไอจะยังไม่รับเป็นคดีพิเศษจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษากับคู่กรณีของ รฟท. จำนวน 900 กว่าราย ใช่หรือไม่ พล.ต.ท.รุทธพล เผยว่า ก็คงต้องรอให้ทางดีเอสไอสืบพยานก่อน เพราะดีเอสไอก็มีขั้นตอนการดำเนินการอยู่ มีคณะกรรมการคดีพิเศษ (บอร์ด กคพ.) คงต้องดำเนินการว่าจะรวบรวมพยานหลักฐานได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้ชงเป็นคดีพิเศษ ส่วนกรอบระยะเวลาจะเลยไปถึง 4 เดือนหรือไม่ ที่จะรับเป็นคดีพิเศษนั้น ก็ต้องดูการรับผิดชอบของดีเอสไอ ว่าจะประมวลเรื่องและสรุปเรื่องขึ้นมาได้ตอนไหน อย่างไร
เมื่อถามว่าเหมือนอุปสรรคของการที่จะชงเป็นคดีพิเศษ มันเหมือนเป็นการซื้อเวลาด้วยการอ้างว่าต้องสอบพยานนั้น พล.ต.ท.รุทธพล แจงว่า ตนไม่ทราบเลย เพราะถ้าเข้าไปดูก็เหมือนเป็นการแทรกแซงไปดูรายละเอียด ส่วนจะเชิญเจ้าของโฉนดที่ดิน เลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 บริเวณแยกเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ที่ถูก รฟท. ฟ้องเพิกถอนโฉนด มาสอบปากคำพยานด้วยหรือไม่ คงต้องสอบถามอธิบดีดีเอสไอ เพราะว่าในรายละเอียดต่างๆ ดีเอสไอก็รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ถ้าตนลงไป ตนก็ต้องลงไปดูสำนวน มันก็กลายเป็นเข้าไปแทรกแซงเลย
ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงคดีสืบสวนที่ดินเขากระโดง ต้องรอทางศาลมีคำพิพากษาจากกรณีที่ รฟท. ไปดำเนินคดีกับคู่กรณีกว่า 900 ราย หรือไม่ เนื่องด้วยดีเอสไอยังไม่รับเป็นคดีพิเศษ ว่า ในการสืบสวน คือ การแสวงหาพยานหลักฐานเบื้องต้น ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในชั้นการดำเนินการเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งก็มีการสอบปากคำพยานไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่รับเป็นคดีพิเศษ ขอให้ได้นำเนื้อหามาดูก่อนว่ามีเหตุ หรือมีพยานหลักฐานให้สมควรรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ อย่างไร