ปอศ.รวบหนึ่งในสามกรรมการบริษัท นำใบกำกับภาษีปลอม ไปใช้เครดิตภาษี ความเสียหายร่วม 6 ล้านบาท คาด่านเข้าออกกัมพูชา
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์
ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ.,
พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.2 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วาทิต จิตรจันทึก รอง ผกก.2 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.หญิง วณิชยา ไชยปรุง สว.กก.2 บก.ปอศ.,
ร.ต.อ.หญิง ชนิสรา หนองหารพิทักษ์, ร.ต.อ.อภินันท์ พจน์มนต์ปิติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม นางสาวรภามิณฯ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 767/2568
ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันนำใบกำกับภาษีที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปใช้ในการเครดิตภาษี”
สถานที่จับกุม อาคารผู้โดยสารขาเข้าจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
สืบเนื่องจากกรมสรรพากรได้มาร้องทุกข์ที่ กก.2 บก.ปอศ. ให้พิจารณาดำเนินคดีอาญากับบริษัทซึ่งประกอบกิจการขายส่งของเสียและเศษวัสดุเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งมีนางสาวรภามิณฯ
เป็นกรรมการลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท โดยพบว่า มีการนำใบกำกับภาษีที่ออกโดยบริษัทที่ไม่ได้มีการประกอบกิจการจริง และกรมสรรพากรแจ้งชื่อเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีโดยมิชอบด้วยกฎหมายและนำใบกำกับภาษีของบริษัทที่มีการประกอบกิจการจริง แต่เป็นการออกใบกำกับภาษีที่มิชอบรวม จำนวน 138 ฉบับ ไปใช้ในการเครดิตภาษี ซึ่งประเมินความเสียหายประมาณ 6 ล้านบาท
เมื่อเจ้าพนักงานสรรพากรพบการกระทำความผิดจึงได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ.เพื่อดำเนินคดีอาญากับบริษัทดังกล่าว ซึ่งขณะนั้น นางสาวรภามิณฯ เป็นกรรมการลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท โดยพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานและทำการขอหมายจับต่อศาลอาญา ให้ติดตามจับกุมตัวนางสาวรภามิณฯ มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ติดตามและสามารถจับกุมตัวนางสาวรภามิณฯ ตามหมายจับดังกล่าวได้ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้าจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 2 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า แฟนเก่าของตน เคยขอชื่อไปเป็นกรรมการบริษัท แต่ไม่ทราบว่านำไปทำอะไรและตนไม่ได้เป็นคนดำเนินการแต่อย่างใด
โดยปัจจุบันได้เลิกรากันไปแล้ว
