นนทบุรี หนุ่มโคราชพกเงินติดตัวที่เหลือ 2 พันบาท เดินทางเข้าร้องมูลนิธิดัง หลังถูกตำรวจและฝ่ายปกครองในพื้นที่เก็บส่วยร้านเหล้าจนหมดตัว เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 67 ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายเบิ้ม (นามสมมุติ) อายุ 37 ปี นำเอกสารหลักฐานต่างๆ เข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิฯ , ว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิฯ เพื่อขอให้ช่วยเหลือหลังเปิดร้านอาหารกึ่งร้านเหล้าแล้วถูกหน่วยงานในท้องถิ่นเก็บส่วยอยู่เป็นประจำ โดยมีแชทการพูดคุยกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเรื่องการจ่ายเงิน และสลิปการโอนเงินให้กับบัญชีม้า มีรายชื่อ 3 คน โดยมีการโอนเงิน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 65 ถึง เดือนเมษายน 67 โดยมีการโอนตั้งแต่ 30,000 บาท 15,000 บาท และ 5,000 บาท ในทุกๆเดือนๆ จนหมดตัว นอกจากนี้ยังมีคลิปเสียงพูดคุยกันระหว่าง แม่ผู้เสียหาย และบัญชีม้าเพื่อเรียกเก็บเงิน โดยในคลิปเสียงนี้แม่ผู้เสียหายจะขอชะลอการเงิน ส่วนปลายสายก็บอกว่านายให้มาทวงถาม โดย นายเบิ้ม (นามสมมุติ) เดินทางจากจังหวัดนครราชสีมา เข้าร้องมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม โดยเปิดเผยว่า ตนเปิดร้านอาหารกึ่งร้านเหล้า มีการเล่นดนตรีสด ก่อนเปิดได้ไปขอใบอนุญาตประกอบกิจการกับทางอำเภอและจังหวัด แต่ทั้ง 2 หน่วยงานแจ้งว่าเปิดได้เลยไม่ต้องขอ แต่เมื่อเปิดกิจการ เริ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 ชุด และฝ่ายปกครอง 1 ชุด ลงพื้นที่มาเก็บส่วยอยู่เป็นประจำ โดยใช้อุบายว่าตนไม่มีใบอนุญาต พอไม่จ่ายก็จับไปที่สถานีตำรวจบอกว่าจะดำเนินคดี สุดท้ายเพื่อความอยู่รอด ตนก็ต้องไปจ่ายเงินส่วยเพื่อให้ตัวเองออกมาทำธุรกิจได้ ซึ่งเดือนๆหนึ่งจะถูกเก็บส่วยประมาณ 3 รอบ จาก 3 ทีม 30,000 บาท 15,000 บาท และ 5,000 บาท แล้วจะสังเกตว่าแต่ละเดือนลูกน้องจะเอาบิลมาให้ดู ซึ่งก็มีค่าเหล้าที่ตำรวจมาเอาไปกินฟรีด้วย เดือนละประมาณ 2-3 ขวด ขวดละประมาณ 300-400 บาท แล้วแต่ยี่ห้อ จนธุรกิจเจ๊ง ต้องหยุดเปิดร้านเพราะไม่มีเงินจ่ายส่วย วันนี้ตนเองและครอบครัวเหลือเงินติดตัว 2,000 บาท เดินทางจากจังหวัดนครราชสีมาเพื่อมาหาทนายรณรงค์ให้ช่วยเหลือตน โดยตนเอง ยอมที่จะถูกดำเนินคดีที่ส่งส่วยให้กับตำรวจ แต่ก็อยากเปิดโปงเรื่องนี้ เพราะตนไม่เหลืออะไรแล้ว ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า จากข้อมูลหลักฐานจากแชทและคลิปเสียงค่อนข้างชัดเจน ว่าเป็นการเรียกรับเงินโดยไม่สุจริตจริง และไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่นั้นๆด้วย โดยมูลนิธิจะพาผู้เสียหายไปร้องกองปราบฯ เพื่อตรวจสอบหลักฐานและดำเนินคดีกับกลุ่มคนมีสีที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างต่อไป แต่ผู้เสียหายเองอาจจะต้องถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน เพราะถือว่าผิด ส่งส่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ














