นนทบุรี สลด เจ้าของโครงการลั่นไกยิงกรรมการผู้จัดการสาวดับคาสำนักงาน
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 2 ต.ค. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เหตุเกิดภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี พร้อมด้วยแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง รีบตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นสำนักงานขาย พบผู้เสียชีวิตเป็นชายทราบชื่อคือนายสุพจน์ ปัญญาเทพ อายุ 56 ปี เจ้าของโครงการหมู่บ้านดัง มีรอยกระสุนปืนบริเวณขมับด้านซ้าย นั่งเสียชีวิตอยู่บนเก้าอี้ภายในสำนักงาน ใส่เสื้อยืดโปโลแขนสั้น สวมกางเกงยีนส์ขายาว พบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ใต้เก้าอี้ บริเวณพื้นพบกองเลือดจำนวนมาก ห่างไปเล็กน้อยพบศพหญิงนอนตะแคงเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บนพื้น สวมชุดเดรสสีชมพูมีลาย ทราบชื่อคือนางกนกวรรณ แจ่มทรัพย์ไพศาล อายุ 54 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนบริเวณศีรษะ
จากการสอบสวนทราบว่านายสุพจน์ ปัญญาเทพ อายุ 56 ปี และ นางกนกวรรณ แจ่มทรัพย์ไพศาล อายุ 54 ปี ทั้งคู่เป็นหุ้นส่วนกัน โดยนายสุพจน์ อยู่ฝ่ายบริหาร ส่วนนางสาวกนกวรรณ อยู่ฝ่ายบัญชีและเป็น 1 ในกรรมการผู้จัดการ
จากการสอบถามน.ส.บี (นามสมมุติ) พนักงานในออฟฟิศ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. นายสุพจน์ได้ไล่ให้พนักงานออกจากออฟฟิศไปก่อนเพื่อที่จะพูดคุยกับน.ส.กนกวรรณเป็นการส่วนตัว โดยทั้งคู่ได้เข้าไปคุยกันภายในห้องทำงานสักพักใหญ่ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณ 6 โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาเลิกงาน ตนและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ จะต้องเข้าไปเอากุญแจรถภายในออฟฟิศและไปบอกลาหัวหน้างาน จึงได้เคาะประตูเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับจึงแง้มประตูดู ได้กลิ่นควันออกมา และเห็นว่ามีปลอกกระสุนปืนจึงเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปดู ก็พบว่าทั้งคู่เสียชีวิตแล้วจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบ
น.ส.บี (นามสมมุติ) บอกอีกว่า ไม่ทราบปมเหตุที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้ไม่เห็นทั้งคู่มีปากเสียงกัน หรือมีปัญหากัน แต่ตอนที่หัวหน้าเรียกฝ่ายบัญชีเข้าไปคุยจำได้ว่าได้ยินเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้น 2 นัด ไม่คิดว่าเป็นเสียงปืนอยู่ภายในสำนักงาน คิดว่าเป็นการยิงเพื่อไล่นก เพราะรอบๆสำนักงานเป็นทุ่งนา มักจะมีการยิงไล่นกอยู่เป็นประจำ
ด้านน.ส.กัญญาพัชร แจ่มทรัพย์ไพศาล หลานสาวของผู้ตาย (ผู้หญิงที่เสียชีวิตเป็นป้า) กล่าวว่า สามีของป้าให้เงินเจ้าของโครงการยืมหลายแสนบาท และให้ป้ามาทำงานที่นี่เพื่อทวงเงิน ซึ่งระหว่างที่ทำงานไม่ค่อยได้เงินเดือน เวลาเบิกเงินจะได้แค่หลักพัน พอทวงถามถึงเงินหลายแสนบาทที่ยืมไปก็ไม่มีให้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง 2 คนเคยทะเลาะกันในที่ประชุมมาแล้ว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ทราบสาเหตุ อยู่ระหว่างประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน มาตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
