ต่อข่าว.โทรศัพท์จำนำจ่ายค่ายาสามีป่วยนอนเป็นดักแด้ ป้าไถ่มือถือแล้ว ถ้าสามีหายจะมาบวชที่วัดราษฎร์ประคองธรรมพร้อมทั้งเตือนมิจฉาชีพอย่าซ้ำเติมอีกเลยที่จะอาศัยช่วงสามีป่วย เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 ด้วยพระเดชพระคุณพระครูกิตติวิริยาภรณ์ ดร.เจ้าคณะอำเภอบางใหญ่ เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประคองธรรม ก็มีลูกศิษลูกหาพอสมควรพอทราบข่าวได้เข้ามาขอเป็นส่วนหนึ่งเข้าช่วยเหลือบรรเทาความทุกครอบครัวนางมลฤดี อุดมธรรม อายุ60 ปีและนายพินิจ เกิดศรีพันธ์ อายุ72 ปี ซึ่งป่วยติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แพ้ยาเป็นดักแด้ ซึ่งนายพินิจ เกิดศรีพันธ์ อายุ72 ปี ผู้ป่าวกล่าวว่าถ้าตนหายจากการป่วยในครั่งนี้จะขอเข้าไปบวชที่วัดราษฎร์ประคองธรรม ซึ่งนายบวร สนธิกรณ์ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองบางกร่างซึ่งเป็นลูกศิษพระครูกิตติวิริยาภรณ์ ดร.เจ้าคณะอำเภอบางใหญ่ เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ประคองธรรมพร้อมนายไพรัช สุดธูป ไวยาวัจกรวัดราษฎร์ประคองธรรม ได้นำนมเปรี้ยวที่นายพินิจ ชอบดื่มพร้อมกับเงินสดจำนวน 5,000 บาทมอบให้ครอบครัวนางมลฤดี อุดมธรรม เพื่อเป็นค่ายาค่าใช้จ่ายในบ้าน นายบวร สนธิกรณ์ กล่าวว่า พอตนทราบข่าวเรื่องครอบครัวคุณลุงที่ป่วยผ่าตัดตั้งหลายลอบเป็นผู้ป่วยติดเตียงอีกและเป็นเสาหลักของครอบครัวด้วยไหนแพยานอนเป็นดักแด้อีกตนยิ่งสงสารตนจึงได้นำนมเปรี้ยวพร้อมเงินสดจำนวน5,000 บาทมามอบให้กับทางครอบครัวของคุณลุงและขอให้ลุงที่นอนป่วยอยู่หายป่วยเร็ววัน นางมลฤดี อุดมธรรม อายุ60 ปีภรรยานายพินิจ เล่าว่าที่ผ่านมาตั้งแต่สามีของตนล้มป่วยลงตนเครียดมากเพราะสามีของตนเป็นเสาหลักของครอบครัวไหนจะเลี้ยงหลานอีก3 คนตนก็ค้าขายพอสามีตนป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ตนก็ต้องคอยดูแลบางครั้งเครียดมากอยากกินยาตายจะได้จบปัญหาตนจึงได้โทรเข้าไปขอความเมตราจากทางวัดราษฎร์ประคองธรรมซึ่งทางวัดพอทราบข่าวก็รีบเข้าช่วยเหลือในทันทีและขอขอบคุณทุกคนที่ยื้นมือเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของตนในครั้งนี้ และเมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมาได้มีคนโทรเข้ามาหาตนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินบอกกับตนว่าตนได้ไปเปิดบัญชี ที่สาขาระยองเมื่อเดือน สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมาและเช้าของวันที่ 2 ท่ผ่านมาก็โทรมาอีก ซึ่งตนไม่เคยไปเปิดบัญชีเอาไว้เลยคงจะเป็นจำพวกมิจฉาชีพ ถ้าใครเห็นเอาบัญชีของตนไปโพสรับบริจาคเงินอย่าให้เป็นอันขาดเพราะตนไม่เคยไปเปิดบัญชีเลย