นาย เอ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี นำหลักฐานทั้งคลิปเสียงและหลักฐานการโอนเงิน มาร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด เนื่องจากตนเองเป็นสายให้กับตำรวจในการจับผู้ต้องหาคดียาเสพติด โดยเล่าว่า คดีล่าสุดที่ตนเองเป็นสายให้กับตำรวจ ไปตรวจค้นบ้านแห่งหนึ่งที่เป็นที่พักยาเสพติด ย่านตากสิน 19 ได้ยาเสพติดมาจำนวน 1 แสนเม็ด และจับกุมคนเฝ้าได้ 1 คน เหตุเมื่อช่วงกลางปี 2565 หลังจากนั้น ตนเองก็ได้รับโทรศัพท์จาก เจ้าของยาเสพติด เพื่อหวังว่าจะให้ตนเองไปคุยกับตำรวจเพื่อขอเคลีย์ไม่ให้ขยายผล ซึ่งตนเองได้ไปคุยกับตำรวจยศ รองสารวัตรสืบสวนของสน. แห่งหนึ่งในพื้นที่กำกับการตำรวจนครบาล 8 (สน.ตลาดพลู) ก็บอกกับตนว่าให้ไปบอกเจ้าของยาว่าถ้าอยากให้ไม่ดำเนินคดีให้จ่ายเงิน 1 ล้านบาท แต่เจ้าของยาต่อรองเหลือ 5 แสนบาทและจ่ายทันที แต่หลังจากที่มีการจ่ายเงินกันแล้ว ตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส. ที่มาร่วมจับกุมด้วยทำให้อำนาจในการขยายผลไม่ใช่ตำรวจท้องที่แล้ว

จากนั้นเจ้าของยาเสพติดจึงต้องการ เงิน 5 แสนคืนจากตำรวจ และตำรวจได้นัดตนไปคุยกันที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านตลาดพลู แต่ตนเองสังหรณ์ใจจึงส่งเพื่อนไปแทน สุดท้ายตำรวจได้จับเพื่อนไปซักเพื่อถามหาว่าตนเองอยู่ไหน ทำให้ตนเองต้องนำคลิปเสียงที่มีการเจรจาเรื่องเงินส่งไปให้ตำรวจเพื่อให้ปล่อยตัวเพื่อน ทำให้ตำรวจกลัวว่าตนเองจะเปิดโปงเรื่องทั้งหมด จึงส่งคนออกตามล่าตนเองและไปคุกคามคนในครอบครัว ขณะเดียวกันเจ้าของยาเสพติดก็ตามล่าตนเองอีกเช่นกัน ทำให้ตอนนี้ตนไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ซึ่งผู้เสียหายได้มีการเปิดคลิปเสียงให้ผู้สื่อข่าวฟังบางช่วง
นาย เอ (นามสมมุติ) ยังบอกอีกว่า ตนเอง ทำหน้าที่เป็นสายให้กับตำรวจมานานกว่า 10 ปีเพราะเมื่อตอนวัยรุ่นตนเองเคยถูกตำรวจจับและเสนอตัวเป็นสายให้ จนถึงตอนนี้ก็เป็นสายมาให้ตำรวจกว่า 50 เคส แต่มีประมาณ 20 เคส ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและมีการเรียกรับเงินในลักษณะนี้ และยังบอกว่าตำรวจที่เกี่ยวข้องในการเรียกรับเงินมีทั้งหมด 5 คน แต่แบ่งเงินกันแค่ 3 คนคือ ผู้กองพงศ์ / ดาบป๊อก / จ่าแจ๊ค ส่วนตำรวจอีก 2 คน เป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรถูกสั่งตามหน้าที่ไม่ได้รับส่วนแบ่ง
นายเอ (นามสมมติ) ยังบอกอีกว่าตำรวจ 3 นายที่ได้รับส่วนแบ่งนั้นมีฐานะอู่ฟู่ และเปิดสถานบันเทิง รวมถึงยังไปเรียกค่าคุ้มครองจากขบวนการปล่อยเงินกู้รายวัน และแก๊งหวยรายวัน
นาย เอ (นามสมมุติ) บอกว่าตอนนี้ตนเองทุกวันรู้สึกกลัว และไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะตำรวจได้ส่งคนมาคุกคามตนเองที่บ้านพัก ไปคุกคามพ่อแม่และคนในครอบครัวก็ถามหาตนเอง ทำให้ตอนนี้ตนเองต้องหาที่ซ่อนตัว อีกทั้งเจ้าของยาเสพติดก็ส่งคนตามล่าตัวเองอีกเช่นกัน และตอนนี้ตนเองอยากเปิดหน้าสู้ เพราะถ้าไม่สู้ก็รู้ว่าคงต้องตาย
ด้านนายเอกภพ บอกว่าเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ใหญ่เพราะตำรวจเกี่ยวข้องกับยาเสพติดและมีการเรียกรับเงินโดยหลังจากที่ผู้เสียหายมาร้องต้นจะพาไปอยู่ที่เซฟเฮาส์ก่อนที่พรุ่งนี้จะพาไปพบกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ดำเนินคดีทั้งตำรวจและเจ้าของยาเสพติดทั้งหมดส่วนตัวของผู้เสียหายจะขอให้กันไว้เป็นพยานเพราะมีหลักฐานและคำให้การที่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี


