“มูลนิธิเมาไม่ขับ”ทำหนังสือให้เพิ่มโทษผู้ที่เมาแล้วขับและให้กำลังใจตำรวจ
“หมอแท้จริง”ทำหนังสือ ถึงผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงพระโขนง ขอให้พิจารณาตัดสินลงโทษสถานหนัก เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้ที่เมาแล้วขับ และแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจรักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข่าวต่อสาธารณชนกรณี นางสาวมนธ์สินี กีรติไกร ขับรถขณะเมาสุรา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 เวลา 00.30 น ท้องที่สถานีตำรวจนครบาลประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้จากข้อมูลที่เผยแพร่ในสื่อสาธารณะชนทุกแขนงปรากฏพบว่า นางสาวมนธ์สินี กีรติไกร เคยถูกจับดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับมาแล้วเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2561 ซึ่งศาลได้ให้โอกาสโดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี สอดคล้องกับพรบ.จราจรทางบกฉบับใหม่ที่มีการแก้ไขและประกาศบังคับใช้ในกรณีของเมาแล้วขับซ้ำในระหว่างที่ถูกรอลงอาญา 2 ปี ให้ศาลจำคุกและปรับเสมอ
นายแพทย์แท้จริง กล่าวอีกว่าทั้งนี้มูลนิธิเมาไม่ขับในฐานะองค์กรสาธารณประโยชน์ที่ทำการรณรงค์การบังคับใช้กฎหมาย และรณรงค์
หยุดการเมาแล้วขับมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 จึงมีหนังสือมายังท่านผู้พิพากษาหัวหน้าศาลแขวงพระโขนง ขอให้ใช้ดุลพินิจลงโทษ นางสาวมนธ์สินี กีรติไกร ด้วยโทษสถานหนัก ตามบทบัญญัติกฎหมาย คือจำคุกไม่รอลงอาญา เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้ที่คิดจะละเมิดกฎหมายเมาไม่ขับ เพื่อความปลอดภัยและลดปัจจัยเสี่ยงบนท้องถนน
อนึ่ง มูลนิธิเมาไม่ขับไม่มีเหตุโกรธเคืองอันใดกับ นางสาวมนธ์สินี กีรติไกร เป็นการส่วนตัว การ
เรียกร้องครั้งนี้มูลนิธิเมาไม่ขับ ทำเพื่อประโยชน์ของสาธารณชน เพื่อปกป้องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนและพิทักษ์ไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
นอกจากนี้ทาง มูลนิธิเมาไม่ขับยังทำหนังสือขอแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจรักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์และผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน พันตำรวจโท ดาราธร ขจรศิลป์ รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทนมีสติในการจับกุมนางสาวมนธ์สินีกีรติไกร ผู้ต้องหาในคดีเมาแล้วขับ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 เวลา 00.30 น ท้องที่สถานีตำรวจภูธรประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร จนถูกผู้ต้องหากระทำการลบหลู่เกียรติความเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการใช้เท้าถีบหน้า แต่พันตำรวจโท ดาราธร ขจรศิลป์ รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร ยังคงมีสติไม่ตอบโต้ปฏิบัติหน้าที่สมกับคำว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์











