วันนี้(วันพฤหัสบดี ที่ 30 มิ.ย. 65) เวลา 13.00 น.
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์
ผบช.ภ.7
พร้อมด้วย
พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย
ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี
พ.ต.อ.พศวีร์ เรืองภู่
รอง ผบก.จว.กาญจนบุรี
พ.ต.อ.เศรษฐสิริ นิพภยะ
รอง ผบก.จว.กาญจนบุรี
พ.ต.อ.กฤตชัย ทองอยู่
รอง ผบก.จว.กาญจนบุรี
พ.ต.อ.บรรจง อมฤทธิ์
รอง ผบก.จว.กาญจนบุรี
พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ เย็นจิตต์
รอง ผบก.จว.กาญจนบุรี
พ.ต.อ.ธนะสิทธิ์ ปานศรี
รอง ผบก.จว.กาญจนบุรี
พ.ต.อ.มนตรี แตงโต
ผกก.สภ.หนองขาว
และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคือ นายซางไม่มีนามสกุลสัญชาติเมียนมา อายุ 39 ปี เป็นผู้ต้องหาตาม หมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรีที่ มจ.317/ 2565 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำ ความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”
พร้อมด้วยของกลางในคดี
1.เหล็กปลายแหลมคล้ายเหล็กขูดชาร์ป จำนวน 1 อัน
2.รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน 8กร 4207 กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 คัน
3.ใบอนุญาตทำงานเลขที่ 7100645002500 ของนางเอไข่ หรือน้อย จำนวน 1 เล่ม
4.บัตรผ่อนรถ จำนวน 1 ใบ
5.สร้อยคอ 3 กษัตริย์ จำนวน 1 เส้น
6.เครื่องประดับต่อเงิน ต่อทอง จำนวน 2 ตัว
7.กระเป๋าสะพายสีชมพู จานวน 1 ใบ
8.กระเป๋าผ้าแบบมีซิป สีครีม จำนวน 1 ใบ
9.หมวกคลุมสีดำ จำนวน 1 ใบ
10.เสื้อยืดแขนยาว จำนวน 1 ตัว
11.ไฟฉาย ติดหัว จานวน 1 อัน
12.ถุงเท้า จำนวน 2 คู่
13.ก้อนปูน จำนวน 1 ก้อน
พฤติการณโดยย่อ
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 02.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับแจ้งว่า มีเหตุ คนร้ายใช้อาวุธแทงนาง เอไข่ หรือน้อย ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมา ถึงแก่ความตายแล้วหลบหนีไป จึงได้สืบสวนทราบว่า คนร้ายคือ นายซาง ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมา เป็นผู้ก่อเหตุในคดีนี้ซึ่งเกี่ยวข้องเป็น หลานของนายวินฯ (สามีเก่าของนางน้อยฯ) จึงได้รวบรวม พยานหลักฐาน ไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อขอหมายจับ และศาลฯได้ ออกหมายจับที่ มจ.317/ 2565 ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2565 ซึ่งต้องหาว่า “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ไว้ก่อน”
หลังเกิดเหตุได้สืบทราบมาว่า นายซางฯ ได้หลบหนีไปซุกซ่อนอยู่ ตำบลสวนส้ม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร จึงได้ออกสืบสวนติดตามนายซางฯ มาสอบถาม ยอมรับว่านายวิน ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมา ซึ่งเป็นน้าของตน ได้แจ้งให้ทราบว่านายวินฯ ได้อยู่กินเป็นสามีภริยา กับนางน้อย (ผู้ตาย) แต่เมื่อเลิกรากันก็ไม่ได้แบ่งทรัพย์สินที่ร่วมกันหามาได้กับนายวินฯ นายซางฯจึงโกรธแค้น จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2565 นายซางฯ จึงได้ยืมรถจักรยานยนต์ (ของกลาง) มาจากนายวินฯ แล้วขับขี่มาจอดแล้วนั่งพักอยู่บริเวณในป่า หลังห้างสรรพสินค้า โรบินสัน สาขาจังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นจึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ไปจอดบริเวณใกล้เคียงสวนอินทผลัม ที่เกิดเหตุ และได้เดินไป แอบดูบริเวณห้องพักของนางน้อยฯ ถึง 3 ครั้ง ว่านางน้อยฯ เข้านอนหรือยัง เมื่อนางน้อยฯเข้า นอนแล้ว จึงได้ถืออาวุธปลายแหลมคล้ายเหล็กขูดชาร์ป (ของกลาง) ที่พกติดตัวมาด้วยแทงที่บริเวณลำคอ จนนางน้อยฯเสียชีวิต นายลัก ไม่มีนามสกุล สัญชาติเมียนมา (บุตรของผู้ตาย) มาเห็นนายซางฯ ไล่จะทำร้าย นายลักฯได้วิ่งหลบหนีไป นายซางฯ จึงได้กลับไปหยิบกระเป๋าสะพายของนางน้อยฯ ซึ่งมี ทรัพย์สินซุกซ่อนอยู่ติดไปด้วย แล้วออกมาขับขี่รถจักรยานยนต์ (ของกลาง) หลบหนี เมื่อมาขับขี่มาถึง บริเวณสระน้ำหมู่ที่ 6 ตำบลหนองขาว ข้างวัดเขาเม็งค์ ได้โยนอาวุธปลายแหลมคล้ายเหล็กขูดชาร์ป ทิ้งในสระน้ำ แล้วขับขี่ไปถึงป่าบริเวณ หลังห้างสรรพสินค้า โรบินสันกาญจนบุรี ได้ตรวจค้นกระเป๋า สะพายของนางน้อยฯ พบเงินสดจำนวนหนึ่งจึงได้นำไปใช้สอย และพบเอกสารของนางน้อยฯ จึงได้ รวบรวมเอกสาร, เสื้อ, หมวกคลุมที่ใส่ในขณะก่อเหตุ ใส่ไปกระเป๋าสะพายสีชมพู พร้อมทั้งนำก้อนปูนใส่ ก้อนปูนถ่วงไว้ และนำไปถ่วงน้ำที่ บ่อน้าบริเวณหลังห้างโรบินสันสาขากาญจนบุรี แล้วขับขี่รถจักรยานยนต์ ไปหานายวินฯ ที่บ้านพัก ในอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม แต่ไม่พบนายวินฯ จึงได้จอดรถจักรยานยนต์ ทิ้งไว้นายซางฯจึงได้เดินทางไปยังบ้านพักที่ ตำบลสวนส้ม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปติดตามนายซางฯ มาสอบถาม ได้ยอมรับว่า ได้กระทำผิดในครั้งนี้ และได้พาเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดที่ซุกซ่อน ทรัพย์สินที่ได้ใช้ และได้มาจากการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่ตารวจจึงได้แสดงหมายจับให้นายซางฯ ดู ยอมรับว่าเป็นบุคคล ตามหมายจับ และยังไม่เคยถูกจับกุมตัวมาก่อน พร้อมทั้งแจ้งสิทธิให้ทราบ และได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐานในคดีให้รอบคอบ เพื่อให้สามารถดำเนินคดีลงโทษผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องได้จนถึงที่สุด ตามคติที่ว่า "คนดีต้องอยู่เย็นเป็นสุข คนร้ายต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์" และขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุสาหะ โดยเน้นย้ำให้ทำงานด้วยความรอบคอบตามหลักยุทธวิธีตำรวจที่ได้ฝึกทบทวนมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียแก่ครอบครัวพี่น้องข้าราชการตำรวจ ตามที่ ผบ.ตร.ได้ฝากข้อห่วงใย
ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน
ในนามของตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงครอบครัวผู้เสียชีวิต ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้เสียหาย โดยจะรวบรวมพยานหลักฐาน สอบสวนอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในทั้งนี้ ผบช.ภ.7 ขอชมเชยพร้อมทั้งขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป
ณ สภ.หนองขาว ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี