ตร.บางแก้ว รวบโจรตระเวนงัดบ้านหรูย่านบางแก้วกวาดทรัพย์สินมูลค่ากว่าสิบล้านบาท
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 9 พ.ย. 66 ที่สภ.บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ รรท.ผกก.สภ.บางแก้ว พ.ต.ท.ชาญวุฒิ เทียมมงคล รองผกก.สส.สภ.บางแก้ว, พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.บางแก้ว ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมนายกุลภพ หรือ บูม ไชยพิเดช อายุ 21 ปี ที่อยู่ 161 ม.9 ต.ศรีสุข อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 908/2566 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 พร้อมของกลางจำนวนมาก โดยกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือผ่านสิ่งกีดกั้นเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม สามารถจับกุมตัวได้ที่ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 22/1 ซอยทุ่งเศรษฐี 28-1 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจาก เมื่อ วันที่ 3 พ.ย.2566 ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.บางแก้ว มีเหตุลักทรัพย์ที่บ้านเลขที่ 11/9 หมู่บ้านโกล์เด้นนีโอ กิ่งแก้ว 31 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบทรัพย์สินสูญหายหลายรายการ จาการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง พบคนร้ายเป็นชาย 1 คน หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป
ต่อมาวันที่ 4 และ 5 พ.ย.256 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.บางแก้ว ได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ บ้านเลขที่ 11/1 และ 11/7 หมู่บ้านโกล์เด้นนีโอ กิ่งแก้ว 31 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ และวันที่ 7 พ.ย.2566 ได้รับแจ้งเหตุลักทรัพย์ บ้านเลขที่ 55/127 หมู่บ้านโกล์เด้นนิโอ 2 กิ่งแก้ว 31 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พนคนร้ายเป็นชาย จำนวน 1 คน โดยเป็นคนร้ายคนเดี่ยวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.บางแก้ว จึงได้เร่งสืบสวนติดตามคนร้ายจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุลักทรัพย์ดังกล่าวคือ นายกุลภพ หรือบูม ไชยพิเดช อายุ 21 ปี และขออนุมัติออกหมายจับศาลจังหวดสมุทรปราการ
ต่อมาวันที่ 9 พ.ย.2566 เวลาประมาณ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.บางแก้ว ได้รับแจ้งจากสายลับ แจ้งว่าพบ นายกุลภพ หรือ บูม ไชยพิเดช อายุ 21ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 908/2566 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 นั่งอยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 22/1 ซอยทุ่งเศรษฐี 28-1 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไป จับกุมนายกุลภพ หรือบูม ไชยพิเดช อายุ 21 ปี ที่นั่งอยู่บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงหมายจับให้ นายกุลภพ หรือบูมฯดู และยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ จากการสอบสวน นายกุลภพ หรือบูมฯให้การรับว่าตนคือบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับนี้จริง ไม่เคยถูกจับกุมในคดีนี้มาก่อน ต่อมาได้มีนางธาริณี ท่าเข่ อายุ 56 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าบ้านเลขที่ 22/1 ดังกล่าวการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมว่านายกุลภพ หรือบูมฯ ได้ขอมาพักอาศัยที่บ้านเป็นการชั่วคราว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ถามถึงทรัพย์สินที่นายกุลภพ หรือบูมฯได้ก่อเหตุลักมา ต่อมานางธาริณีฯ ได้นำ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจค้นบ้าน พบของกลางที่นายกุลภพ หรือบูมฯใช้ในการก่อเหตุและของกลางจำนวน 80 รายการ มูลค่ารวมกว่า 10 ล้าน บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการจับกุมตัว พร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.นิรันดร์ ปิตะกาศ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ รรท.ผกก.สภ.บางแก้ว เปิดเผยว่าสำหรับการแถลงข่าวรายนี้ ถือเป็นผู้ต้องหาที่ก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่และผู้เสียหายเป็นอย่างมาก พอเกิดเหตุมีผู้เสียหายมาแจ้งความ ตนเองก็สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนไปเร่งตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาให้ได้โดยเร็ว จนสามารถจับกุมตัวได้
ด้าน พ.ต.ท.ชาญวุฒิ เทียมมงคล รองผกก.สส.สภ.บางแก้ว, ระบุว่า จากแนวทางสอบสวนพบว่าคนร้ายเข้าไปก่อเหตุในหมู่บ้านหรู ในช่วงกลางวันแสกๆ ถึงสองวันติด ก่อนเหตุวันเดียวถึงสามหลัง ซึ่งการติดตามหาตัวคนร้ายค่อนข้างลำบากเนื่องจากผู้ต้องหาจะอาศัยปีนเข้าข้างหมู่บ้านหรือข้างบ้านเข้าไปก่อเหตุ ซึ่งหลังจากการจับกุมตัวได้ พร้อมทรัพย์สินอีกหลายรายการยังไม่มีเจ้าของทรัพย์มาแจ้งความประสงค์ ซึ่งเชื่อว่านอกจากผู้เสียหายหกรายที่มาแจ้งความแล้วยังเชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้ยังไม่ก่อเหตุที่อื่นอีก หากผู้เสียหายรายได้ที่ถูกโจรขึ้นบ้านและต้องสงสัยว่าจะมีทรัพย์สินในครั้งนี้หรือไม่ก็สามารถมาขอดูทรัพย์สิน ที่สภ.บางแก้วได้เช่นกัน ส่วนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ที่ทำเพราะติดหนี้การพนันต้องการหาเงินไปใช้หนี้การพนันและใช้จ่ายทั่วไป
ด้านคุณโบว์ หนึ่งในผู้เสียหายที่มีบ้านพักในโครงการหมู่บ้านหรูเลียบด่วนกาญจนา บอกว่า บ้านของตนเองอยู่ใกล้ป้อมรปภ.แท้ๆ แต่เจ้าหน้าที่รภปยังล่ะหลวมให้คนร้ายเดินเข้ามาในหมู่บ้านจนเข้ามาก่อเหตุภายในบ้านอย่างง่ายดาย ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมารปภ.ของบริษัทแห่งนี้จะมีการเปลี่ยนรภปบ่อยมากและไม่ออกตรวจตราในหมู่บ้านจึงกลายเป็นโอกาสที่ทำให้คนร้ายรายนี้เดินชิวหาเข้าบ้านพักของลูกบ้านได้ ถึงแม้จะต้องจ่ายค่าส่วนกลางตกปีละสองหมื่นกว่าบาทแต่ก็ยังไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ยังเคราะห์ดี ที่ตำรวจตามจับคนยร้ายได้ และติดตามทรัพย์สินคืนมาได้บางส่วน หากยังจับตัวไม่ได้ลูกบ้านยังคงต้องนอนผวาโจรต่อไป
ขณะที่ คุณ ธัญญ์ฐ์ดา หนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกโจรรายนี้ขึ้นบ้านและขโมยทรัพย์สินไปด้วยเช่นกัน ออกมาเปิดเผยเรื่องราวที่ชนขนหัวลุกว่า หลังจากที่ผู้ต้องหาถูกจับกุม ผู้ต้องหาเล่าให้ตนเองและตำรวจฟังว่า พอเข้าไปก่อเหตุในบ้านของตนเองที่ชั้นล่างเสร็จและกำลังขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองที่ห้องนอน ปรากฏว่าผู้ต้องหารายนี้ต้องวิ่งหนีหน้าตั้งออกจากบ้านไปเพราะไปเจอกุมาร สององค์ผมจุก ยืนถอดเสื้อท้าวเอวขวางที่ทางขึ้นบันได้ ซึ่งถามว่าตนเองเลี้ยงกุมารไว้จริงไหม ยอมรับว่าเลี้ยงไว้จริง เป็นกุมารที่ชื่อว่าพี่จุกกับพี่จันทร์ ซึ่งตนได้บุชามาจากวัดแห่งหนึ่งแถวสวนหลวงเมื่อสี่ถึงห้าพี่ก่อน และเป็นกุมารที่ตนเองมีความเชื่อความศรัทธาให้มาช่วยปกปักรักษาครอบครัวและทรัพย์สินในบ้าน ที่ผ่านมาเคยได้โชคลาบบ้างแต่ก็ไม่บ่อย และยังเคยฝันถึงก็มี พอถามผู้ต้องหาถึงรูปร่างของกุมารก็บอกตรงกันตามภาพที่ตนเองเอาให้ดู ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่หน้าเหลือเชื่อแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับตนเองและครอบครัวหากโจรในวันนั้นไม่เจอกุมารตามที่เขาบอก คงงัดเข้าไปในห้องนอนซึ่งมีทรัพย์สินเงินทองอีกจำนวนมากต้องสูญหายไปอย่างแน่นอน *
วิวรรธน์ ยั่งยืนเตชานนท์ สมุทรปราการ 0916986925