นนทบุรี วงจรปิด รวบหนุ่มเมาขโมยเหล้า-เบียร์ กลางห้างดัง ถูกจับได้วิ่งหนีชนพนักงานหญิงล้มแขนเกือบหัก
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 7 พ.ย.66 พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี พ.ต.ท.อิศราณุวัฒน์ ธนทรัพย์ทวี รอง ผกก.ป สภ.เมืองนนทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมประกอบด้วย ร.ต.อ.ภูรินท์ บุญชัยวงศ์ รอง สวป.ฯ, ด.ต.สำเริง ไชยสาร,ด.ต.พิเชษฐ จำปาทอง , ส.ต.ต.นัธทวัฒน์ เกตุแก้ว , ส.ต.ต.ภาณุพงศ์ ศรีแสงใส ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองนนทบุรี ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายสุริยา ปัทมขจร อายุ 36 ปี อาชีพ ไรเดอร์ ได้ที่บริเวณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี พร้อมของกลางคือ 1.กระเป๋าสะพายข้างสีดำ 1 ใบ 2.เบียร์ 10 กระป๋อง 3.เหล้า 3 ขวด 4.ยาสีฟัน 1 ชิ้น 5.โอวันตินกล่อง 1 แพ็ค 6.กาแฟ 6 กระป๋อง โดยแจ้งข้อกล่าวหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
สืบเนื่องจากวันนี้เวลาประมาณ 20.00 น. เจาหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้งเหตุของสภ.เมืองนนทบุรี ว่ามีเหตุลักทรัพย์ภายในห้างสรรพสินค้าดังแห่งหนึ่งย่านติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจจึงนำกำลังไประงับเหตุบริเวณที่เกิดเหตุพบนายสมิทธิ์ โพธิ์คำ อายุ 45 ปี ตำแหน่ง ฝ่ายป้องกันการสูญหาย ของห้างสรรพสินค้าดังกล่าว ได้ควบคุมตัวนายสุริยา ผู้ต้องหาอยู่ พร้อมกับแจ้งกับทางตำรวจว่าได้พบเห็นผู้ต้องหาได้เข้ามาเลือกซื้อสินค้าภายในห้าง แล้วได้ก่อเหตุขโมยสินค้าทั้งหมดจำนวน 21 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 3,178 บาท ใส่กระเป๋าผ้าสีดำที่สะพายอยู่ แล้วกำลังจะเดินออกจากห้างโดยไม่ได้ชำระเงินค่าสินค้า นายสมิทธิ์ พนักงานจึงได้วิ่งติดตามพร้อมทั้งบอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำห้างให้ช่วยกันจับกุม เมื่อควบคุมตัวไว้ได้จึงขอตรวจค้นภายในกระเป๋าผ้าสีดำที่ผู้ต้องหาสะพายอยู่ขณะตรวจค้น พบของกลางทั้งหมด จึงได้พยายามควบคุมตัวไว้ และได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระหว่างนั้นผู้ต้องหาได้วิ่งหนี โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยของห้าง วิ่งตามจนทัน และพยายามควบคุมตัวผู้ต้องหา แต่ถูกผู้ต้องหาได้ขัดขืนจนทำให้ น.ส.จุรีมาศ แสงกล้า หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความ
ปลอดภัยของห้าง ที่กำลังช่วยควบคุมตัวผู้ต้องหาอยู่ ล้มลงได้รับบาดเจ็บบริเวณแขนซ้าย บวมช้ำ ก่อนโทรเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ส่วนผู้ต้องหาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุทตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายสุริยา ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า วันนี้ช่วงเย็นที่ผ่านมา เพื่อนตนได้ขี่จยย.มาส่งที่ห้างดังกล่าว แล้วตนก็ได้เข้าไปเดินเล่นปกติภายในห้างเรื่อยๆ โดยเอากระเป๋าสะพายวางบนรถเข็น เดินบริเวณที่ขายแอลกอฮอลล์รู้สึกอยากกินจึงก่อเหตุขโมยเหล้าและเบียร์เก็บไว้ในกระเป๋าที่สะพายมาทั้งหมด จากนั้นได้เดินสะพายกระเป๋าออกจาก ซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ได้เจอพนักงานขอตรวจค้นกระเป๋าจำนวนหลายอย่างและควบคุมตัวไปที่ห้องคุมพนักงาน ตนได้ขัดขืนและวิ่งออกมา จังหวะที่ชุลมุนตนได้วิ่งชนพนักงานสาวจึงทำให้แขนหัก ก่อนจะไปสะดุดล้มเป็นแผลถลอกที่หัวเข่า และโดนจับในเวลาต่อมา ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุเพราะว่า อยากกินเบียร์กินเหล้า ของที่ขโมยมาก็จะเอามากินไม่ได้มาขาย เพราะก่อนก่อเหตุตนกินมเบียร์มา 1 กระป๋อง อยากกินต่อจึงคิดก่อเหตุ ประกอบกับตอนนี้ตนรู้สึกเครียดเรื่องครอบครัวพึ่งแยกทางเมียและลูก ทำงานไรเดอร์ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไม่พอเครียดเลยต้องกินเบียร์กินเหล้าเพื่อให้นอนหลับไปวันๆ เมื่อก่อนยอมรับว่าเคยติดยาเสพติด แต่หลังจากมีเมียมีลูกตนก็เลิกหมดแล้ว อยากขอโทษทางพนักงานที่ทำให้แขนหัก หลังจากนี้จะไม่ก่อเหตุแบบนี้อีกแล้ว ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายใครแค่อยากกินเหล้าเฉยๆ
ทางด้าน น.ส.จุรีมาศ แสงกล้า อายุ 48 ปี หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้าง ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันของสูญหายได้ดูกล้องวงจรปิดภายในห้องของเจ้าหน้าที่พบว่า ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุขโมยสินค้าหลายรายการยัดใส่กระเป๋า จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ไปควบคุมตัวผู้ต้องหา ระหว่างที่นำตัวพาพูดคุยระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงภายในห้องของเจ้าหน้าที่ ทางผู้ต้องหาได้ขัดขืนอยู่ตลอดเวลาขณะที่เจ้าหน้าที่ของห้างควบคุมตัวมีการโวยวาย บ้วนน้ำลายใส่หน้าเจ้าหน้าที่ ก่อนอาศัยจังหวะชุลมุนวิ่งหนีออกมาแล้วพุ่งชนมาที่ตนทำให้ล้มลงกับพื้นได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้าย ตอนที่ล้มลงตนรู้สึกว่าปวดมากเหมือนแขนจะหัก ก่อนกู้ภัยจะนำตัวไปส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นทางหมอบอกว่าแขนตนไม่ได้หัก แค่เป็นอาการแขนซ้นจึงทำการใส่เฟือกแล้วคอยรักษาดูอาการต่อ วันนี้ได้เจอผู้ต้องหาก็ได้ยกมือขอโทษแต่ก็ยังคงเถียงเหมือนว่าตัวเองไม่ผิดหาว่าเจ้าหน้าที่ไปล็อกคอทำให้ต้องสะบัดหนีมาวิ่งชนตน อยากจะให้ทางครอบครัวครัวผู้ต้องหามารับผิดชอบกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ แต่สอบถามไปแล้วปรากฎว่าอยู่ตัวคนเดียวไม่มีครอบครัวตนจึงต้องทำใจและให้ทางตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
