สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดกองเกียรติยศต้อนรับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก่อนเข้าประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)
//
สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดกองเกียรติยศต้อนรับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เดินทางมาเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 10/2566 โดยมีพลตำรวจเอกดำรงศักดิ์กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้การต้อนรับ อาทิ พลตำรวจเอกรอย อิงคไพโรจน์,พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พลตำรวจเอกวิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ โดยนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงในเวลาประมาณ 13.30 น. จากนั้นได้ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่บริเวณด้านหน้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขึ้นแท่นเพื่อรับการคารวะจากกองเกียรติยศ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาก่อนนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงในเวลาไม่นาน จากนั้นเดินเข้าอาคารเพื่อถวายความเคารพพระบรมรูป สมเด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และเดินขึ้นห้องประชุม โดยไม่ได้กล่าวอะไรกับสื่อมวลชน
สำหรับการประชุม ก.ตร.วันนี้มีวาระประชุมที่สำคัญ คือ การพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ต่อจากพลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบันที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการคัดเลือกรายชื่อรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อเสนอให้ที่ประชุม ก.ตร.พิจารณา
อย่างไรก็ตาม หากที่ประชุม ก.ตร.วันนี้ ยังไม่สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ได้ นายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.ตร. ก็มีอำนาจถอนวาระนี้ออกจากการพิจารณาไปก่อนได้
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า อาจมีการเสนอที่ประชุม ก.ตร. เพื่อขอขยายเวลาการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถึงผู้บังคับการ ออกไปอีกอย่างน้อย 30 วัน ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ที่มีการขอขยายเวลาในการแต่งตั้งโยกย้ายรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถึงผู้บังคับการ
สำหรับแคนดิเดตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนที่ 13 ประกอบด้วยรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจำนวน 4 นาย เรียงลำดับตามอาวุโสคือ พลตำรวจเอกรอย อิงคไพโรจน์, พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล,
พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ และพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล
