เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดังร้องลงทุน6แสนทำร้าน อยู่ๆโดนไล่ที่ซ้ำตัดน้ำตัดไฟ ข้องใจสัญญาทำไมมี2ฉบับ หวั่นโดนหลอก
นนทบุรี วันที่ 17 ส.ค.2566 เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้าน แซ่บ แตก ซิก ซึ่งเปิดเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยว ตั้งอยู่บริเวณถนนต้นเชือก-ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี จากกรณีที่ น.ส.กัญญาพัชร์ หรือเตย ขจรวงศ์วาณิช อายุ 39 ปี (เจ้าของร้าน) โพสข้อความผ่านระบุ “โดนสัญญาปลอมเข้าไปอีก และมีการไปปลอมลายเชนต์เจ้าของที่ ที่กรรมสรรพสามิตรบางใหญ่ ยิ่งขุดยิ่งเจออะไรที่เน่าๆมากเลย เตือนภัยนะคะ เป็นหนี้คนเยอะมากค่ะ อย่าให้เล่าเดี๋ยวจะเสียมากกว่านี้” และมีกระแสตอบรับจากผู้ติดตามเป็นอย่างมากรวมไปถึงผู้เสียหายรายอื่นๆที่โดนแบบเดียวกัน ซึ่งเมื่อช่วงเดือน มิ.ย.66 ได้มีการติดต่อไปยัง น.ส.ปริยากรหรือเมย์(เจ้าของที่)เพื่อทำการขอเช่าพื้นที่เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ในราคา 25,000 บาท แต่สงสัยว่าการทำสัญญาทำไมมีถึง2ฉบับ ซึ่งฉบับแรกทำสัญญาเมื่อวันที่ 3 พ.ค.66 ระบุค่าเช่าที่ 40,000 บาทต่อเดือน และมีการทำสัญญาฉบับที่ 2 ในวันที่ 16 พ.ค.66 ระบุค่าเช่าที่ 25,000 บาท ต่อเดือน ไม่รวมน้ำไฟ จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนโดน น.ส.เมย์หรือจ๊ะจ๋า(เจ้าของที่)ไล่ออกจากร้านและยังตัดน้ำตัดไฟอีก โดยที่ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก่อน ทำให้ที่ร้านได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เพราะร้านก็เปิดไม่ได้ พอตนขอคุยกับเจ้าของที่จริงๆ ก็โดนบ่ายเบี่ยงมาตลอด ทำให้เชื่อว่าตนอาจจะโดนหลอกในเรื่องของการทำสัญญาทั้ง2 ฉบับ
น.ส.กัญญาพัชร์ หรือเตย เล่าว่า ตนเห็นประกาศให้เช่าพื้นที่ร้านผ่านโซเชี่ยลในราคา 25,000 บาท จึงติดต่อสอบถามมายังเจ้าของ และได้มีการพูดคุยเจรจาในเรื่องราคาค่าเช่าและทำสัญญากันในเวลาต่อมา ซึ่งสัญญาฉบับแรกที่ น.ส.เมย์หรือจ๊ะจ๋าได้ร่างหนังสือสัญญาฉบับแรกเมื่อวันที่ 3 พ.ค.66 มาให้ตนดู งในราคาค่าเช่าที่ 40,000 บาทต่อเดือน ตนเห็นจึงได้ทักท้วงไปเพราะไม่เหมือนที่คุยกันตอนแรกที่จะให้เช่าในราคา 25,000 บาทต่อเดือน จากการสอบถาม น.ส.เมย์ ได้บอกกับตนว่า สัญญาฉบับแรก ที่ทำในราคาเช่า 40,000 บาทต่อเดือน ทำเพื่อให้สามีตนรู้ ว่าปล่อยเช่าในราคา 40,000 บาท เนื่องจากสามีตนจะไม่ยอมปล่อยให้เช่าในราคาถูก โดยอ้างว่า สัญญาฉบับนี้ไม่มีผลกับอะไรทั้งนั้น ทำเพื่อให้สามีตนดูเพียงเท่านั้น จึงได้ทำการเซ็นหนังสือสัญญาฉบับแรกไป ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 นางสาวเมย์หรือจ๊ะจ๋า ได้มีการทำหนังสือสัญญาฉบับที่ 2 โดยระบุค่าเช่าที่เดือนละ 25,000 บาท มาให้ตนเซ็น ซึ่งให้ อิงสัญญาฉบับนี้เป็นหลัก โดยไม่ได้มีการยกเลิกสัญญาฉบับแรกแต่อย่างใด ต่อมาในช่วงเดือนมิถุนายน ตนได้ชำระค่าเช่าพร้อมค่าน้ำค่าไฟให้กับนางสาวเมย์ ตามกำหนด ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดจนกระทั่งเมื่อช่วง วันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวเมย์ ได้มีการทักข้อความมาหาตน ในลักษณะทวงค่าเช่า ซึ่งตนมองว่ายังไม่ครบกำหนดที่ต้องชำระ จึงยังไม่ได้โอนค่าเช่าที่และค่าน้ำค่าไฟไปให้ พอเช้าวันที่ 30 กรกฎาคมนางสาวเมย์ก็ได้ทักเข้ามาหาต้นอีก และได้ทวงถึงค่าเช่าที่และค่าน้ำค่าไฟ ตนเห็นว่านางสาวเมย์มีความผิดปกติ เพราะว่าทวงค่าเช่าตั้งแต่เช้าเหมือนคนร้อนเงิน ตนจึงเกิดกังวลใจในเรื่องของหนังสือสัญญาทั้ง 2 ฉบับขึ้นมา จึงไม่ได้ทำการโอนเงินไปให้เพราะกลัวโดนหลอก เนื่องจากหนังสือสัญญาทั้ง 2 ฉบับนั้นชื่อผู้ทำหนังสือสัญญาเป็นคนละคนกันโดยในฉบับแรกเป็นชื่อของผู้ชายซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสามีของนางสาวเมย์ แต่ในหนังสือ สัญญาฉบับที่ 2 กลับเป็นชื่อของนางสาวเมย์เอง จึงคิดว่าเจ้าของที่อาจจะไม่รู้เรื่อง ที่ตนมาเช่าที่ตรงนี้ และอาจจะโดนเจ้าของที่ตัวจริงไล่ออกในภายหลัง
น.ส.กัญญาพัชร์ เล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันค่าเช่าก็จ่ายตรงมาตลอด แต่เพิ่งจะมีปัญหากันเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมนี้เอง เพราะต้นเห็นความผิดปกติของหนังสือสัญญาทั้ง 2 ฉบับ แต่นางสาวเมย์ กับบอกยกเลิกสัญญา พร้อมกับไล่ตนและพนักงานให้ออกจากร้านและเข้ามาตัดน้ำตัดไฟภายในร้าน ทำให้ได้รับความเสียหายและสูญเสียรายได้ ในส่วนเรื่องของค่าน้ำค่าไฟ จากที่คุยกันตอนแรก นางสาวเมย์บอก จะคิดค่าไฟ เป็นเรทไฟบ้านไม่ใช่เรทบริษัท แต่พอถึงเวลาคิดค่าไฟจริงนางสาวเมย์กับคิดค่าไฟเป็นเรทในรูปแบบบริษัท ซึ่งตนมองว่าเหมือนถูกเอาเปรียบ พอตนขอคุยกับเจ้าของที่ซึ่งเป็นสามีของนางสาวเมย์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงต่างๆ กับได้รับการปฏิเสธและบ่ายเบี่ยงมาตลอดล่าสุดไม่สามารถติดต่อได้แล้ว เนื่องจากมีการบล็อคเบอร์โทรศัพท์กัน ตอนนี้ตนได้เดินทางเข้าแจ้งความที่สภ.ไทรน้อยไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็อยากจะฝากไปถึงนางสาวเมย์ออกม่รับผิดชอบหน่อย และคนที่เป็นเจ้าของที่จริงๆ ให้ช่วยมาบอกหน่อยค่ะว่าคุณรับรู้การกระทำแบบนี้ ตนเป็นผู้เช่าลงทุนไปกว่า 600,000 บาท ดำเนินการได้แค่ 2 เดือน ทุนยังไม่ได้กลับคืนมาเลย กว่าจะทำการตลาดให้ลูกค้ารู้จักตรงนี้ได้ แล้วคุณมาบอกเลิกสัญญาเรากระทันหันไม่มีกำหนดเวลาอะไรให้เราเลยทั้งๆที่เราไม่ได้ผิดสัญญาอะไรแบบนี้มันยุติธรรมแล้วหรอ ตนหาเงินมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของเราอยากและไม่ได้เป็นคนแรกที่โดน มีคนโดนแบบนี้มาแล้ว 2 คน 3 คนในลักษณะเดียวกัน คือเหมือนกันเป๊ะ ทั้งเรื่องเหมือนกันเป๊ะสัญญา 2 ฉบับเป๊ะ อย่าทำแบบนี้กับใครอีกเลยค่ะนะคะมันไม่ดีค่ะ














