นนทบุรี เปิดใจหนุ่มเมาอาลาวาดกระทืบน้องสาวต่อหน้าแม่วัย 67 ปี อ้างแม่ไม่ให้เงินลูกสาวไปโรงเรียนวันละ 100 บาท
จากกรณีเฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ คลิปวิดีโอขณะที่ลูกชายทุบตีน้องสาว พร้อมระบุข้อความว่า ” ลูกทรพี เมาแล้วทุบตีพี่น้อง เก่งแต่กับคนในบ้าน กับแม่เองมันก็ด่าแม่ทุกวัน เสียแรงที่เบ่งมันออกมา ยิ่งเอ็งอยู่ก็มีแต่ทำแม่ให้เสียใจ เอ็งมันเกินจะเยียวยาแล้วลูกเอ้ย แม่อยากให้มีใครมาจัดการกับลูกคนนี้สักที แม่ไปแจ้งความตำรวจก็ไม่ยอมรับแจ้งความ ต้องให้แม่หรือคนในบ้านตายก่อนหรอถึงจะแจ้งความได้ ใครมีอะไรแนะนำแม่หน่อยได้ไหม ใครก็ได้ช่วยแม่ด้วยเถอะ มีหน่วยงานใหนช่วยได้บางค่ะจะตรอมใจตายขออยู่สร้างบุญกุศลก่อนอายุจะ70แล้วจ๊ะทรมารใจเหลือเกิน”
ล่าสุด เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังดังกล่าวแห่งหนึ่งย่าน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พบนางวาสนา สุวรรณสัมพันธ์ อายุ 67 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ ผู้โพสต์เฟซบุ๊ก กล่าวว่า ตนมีลูกทั้งหมด 4 คน มีนายวิทยา แย้มทรัพย์ อายุ 49 ปี ลูกชายคนโต คือผู้ที่ทำร้าย ส่วนคนที่ถูกทำร้ายเป็นลูกสาวคนที่2 ของตนชื่อน.ส.เขมมิกา แย้มทรัพย์ อายุ 47 ปี โดยเหตุการณ์วันเกิดเหตุวันที่ 3 ก.ค.66 เวลาประมาณ 19.00 น. คือนายวิทยาลูกชายตนกินเหล้าเมาแล้วก็พาลมาเข้าบ้านตนเพื่อขอเงินให้ลูก ก่อนจะโวยวายกับตนมาชี้หน้าด่าตน ก่อนลูกสาวตนน.ส.เขมมิกา หรือจอย เห็นท่าทีไม่ดีจึงออกมาปกป้องตนแล้วมีปากเสียงกันก่อนจอยจะถูกนายวิทยาทำร้ายร่างกายจนกองนอนลงกับพื้น ซึ่งลูกชายคนเล็กชื่อท็อปที่ถอดเสื้ออยู่ในคลิปวงจรปิดได้พยายามห้ามปรามอยู่ตลอดเวลาแต่สู้แรงไม่ไหว ตอนนี้ตนทนไม่ไหวแล้วเหตุการณ์ลักษณะนี้ตนทนมาหลายปีแล้ว ลูกชายคนนี้ส่วนมากจะทำร้ายตนด้วยวาจา ชอบด่าด้วยคำหยาบคาย อาละวาด ซึ่งตนเป็นคนถือศีลปฏิบัติธรรมอยู่ตลอดไม่เคยด่าลูกแบบนี้ แต่ไม่คาดคิดว่าลูกชายแท้ๆจะกลับมาด่าตน เบื้องต้นเคยเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจสภ.บางใหญ่ แล้วแต่ตำรวจไม่รับแจ้งบอกเป็นเรื่องครอบครัว ตอนนี้จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพาไปบำบัดหรือรักษาเพราะลูกตนติดเหล้า ตนคอยสนับสนุนอยู่ตลอดแต่ลูกชายคนนี้ทำงานมาหลายอาชีพแล้วก็ออก ของในบ้านหลายอย่างก็ชอบเอาไปขาย ตอนนี้จอยลูกสาวตนที่ถูกทำร้ายกำลังไปรักษาตัวโรงพยาบาลเพราะถูกทำร้ายจนหัวปูด และเจ็บที่สะโพก รวมถึงจอยพึ่งผ่าตัดเนื้องอกในมดลูกมาไม่นาน ตนสงสารไม่น่ามาทำร้ายร่างกายกันขนาดนี้
ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังสัมภาษณ์นางวาสนา นายวิทยา แย้มทรัพย์ อายุ 49 ปี ลูกชายคนโต ได้ขี่จยย.มาเอาของที่บ้านได้มีปากเสียงกับนางวาสนาเรื่องเงิน 100 บาท ที่นายวิทยาขอเงินค่าไปโรงเรียนให้ลูก ทางนางวาสนาให้นายวิทยาขนของออกจากบ้านให้หมด ส่วนนายวิทยายืนยันว่าจะเอาของออกจากบ้านทั้งหมดก่อนขี่รถจยย.ได้บอกว่า รักแม่และขอโทษทั้ง2คนยืนยันว่าจะไม่มาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีก
นายวิทยา กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนแค่มีปากเสียงกับน้องสาวทะเลาะเรื่องในครอบครัวปกติทางน้องสาวมีอาวุธมีดด้วยและก็เมาด้วยเช่นกัน ซึ่งตนยอมรับว่าทำร้ายร่างกายจริงแต่แค่จับเหวี่ยง ตี บ้องหู ไม่ได้ทำร้ายอะไรมากมายถ้าทำจริงๆน้องสาวตนคงตายไปแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้น้องสาวคนนี้ก็เคยถูกน้องชายสุดท้องทำร้ายร่างกายจนปางตายแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ตนทำงานเป็นไรเดอร์อาศัยอยู่กับลูกชายอยู่บ้านคนละหลังกับแม่ วันเกิดเหตุช่วงเช้าก็มีปัญหากันเรื่องขอเงินแม่ค่าไปโรงเรียนลูกวันละ 100 บาท ทางแม่ตนก็บ่นไม่ให้เงินตนจึงไม่เอา ซึ่งปกติตนก็ทำงานช่วยดูแลตลอดอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้โทรศัพท์มือถือตนพังไม่สามารถทำงานไรเดอร์ได้ จึงเดินทางมาหาแม่พูดคุยเรื่องขอเงินวันละ 100 ให้ลูกไปโรงเรียน ซึ่งของในบ้านที่แม่บอกว่าเป็นตนชอบขโมยของไม่เป็นความจริง เพราะของมีค่าในบ้านแม่หลายอย่างก็เป็นของตน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปขโมยของ โดยตนเป็นคนกินเหล้าปกติจะกินทุกวันช่วงค่ำๆ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้บ้า และไม่เคยทำร้ายร่างกายใครมั่วๆ ตนขอโทษแม่กับน้องสาวทั้งสองคนได้ไม่มีปัญหา แต่สุดท้ายตนพูดอะไรทำอะไรก็ผิดไม่มีความดีอะไรทั้งนั้น
นายชัชวาล ทองเรือง อายุ 33 ปี น้องชายคนสุดท้อง กล่าวว่า วันเกิดเหตุทางนายวิทยามาที่บ้านแล้วพูดจาหยาบคายด่าแม่ จากนั้นพี่จอยที่เป็นน้องสาวของนายวิทยาได้เดินออกมาไล่แล้วมีปากเสียงกันก่อนจะถูกทำร้ายร่างกายตามในคลิปเท่าที่เห็น ถูกพลัก ตบ กระทืบ ตนจึงรีบเข้าห้ามทั่งสอง ปกติแล้วนายวิทยาก็จะเป็นคนแบบนี้เมาแล้วชอบมาโวยวายด่าทอคนในบ้าน แต่นายวิทยาไม่เคยทำร้ายแม่ ตอนนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพาไปบำบัดให้เลิกสุรา เพราะว่ากลัวเมาแล้วเข้ามาทำร้ายร่างกายคนในบ้านอีก ซึ่งตอนนี้คนในบ้านทนไม่ไหวแล้วกลัวเหตุการณ์บานปลาย ซึ่งนายวิทยากับตนอยู่บ้านหลังเดียวกันปกติแล้วตนจะเป็นคนห้ามและพูดให้เขาใจเย็น




จากนั้นนายทุนจะปิดแอคเคาท์ทันทีหลังจากที่สั่งการแล้วเสร็จ จากการสืบสวนขยายผลทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหา กลุ่มนี้เพิ่งใช้บ้านพักแห่งนี้เป็นฐานในการดําเนินการทางธุรกิจ ซึ่งย้ายมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และมาเปิดได้เพียง เดือนเศษ ก่อนจะถูกจับกุม ส่วนหนังสือเดินทางก็เป็นการขยายผลจับกุมต่างด้าวที่ใช้หนังสือเดินทางมีตราประทับปลอม จนมีการขยายผลทราบว่าสถานที่แห่งนี้มีการลักลอบทําหนังสือเดินทางปลอมโดยใช้ตราประทับผ่อนผันขออยู่ต่อใน ราชณาจักร หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะได้ไปขยายผลต่อผู้ร่วมขบวนการทุกราย ส่วนผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดนําส่ง พนักงานสอบสวนสภ.บางพลี ดําเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
-คดีที่ 5. ตม.จว.ชลบุรี สนธิกําลังร่วมกับ สืบสวน ตม.3 จับกุม “หนุ่มจีนลักลอบอยู่ไทยนานกว่า 5 ปี”ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.3, สภ.เมืองพัทยา และตํารวจท่องเที่ยว ร่วมกันจับกุม นายจาง (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน ในความผิดฐาน อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ได้ที่บริเวณริมถนน ซอยนาเกลือ 18 หมู่ 5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ส่งพนักงานสอบสวนดําเนินคดีตามกฎหมาย
พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันสืบสวนหาข่าวชาวต่างชาติที่มีพฤติการณ์ว่าจะกระทํา ความผิดต่อกฎหมายในขณะที่พํานักอาศัยอยู่ในประเทศไทย จนสืบทราบว่า นายจาง ชอบทําตัวตีสนิทกับกลุ่ม นักท่องเที่ยวชาวจีนและกลุ่มนักธุรกิจชาวจีนตามแหล่งที่กลุ่มชาวจีนพบปะกัน โดยเข้าไปพูดคุยเชิญชวนให้ลงทุนทํา ธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทย จึงนําข้อมูลนายจางไปตรวจสอบในระบบสารสนเทศ สตม. พบว่า นายจางเดินทางเข้า มาประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2558 ได้รับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยว 60 วัน (TR-60) และได้ขออยู่ต่อ ในราชอาณาจักรต่อเนื่องเรื่อยมา
ครั้งสุดท้ายได้รับอนุญาตถึงวันที่ 29 ก.ค. 2560 ปัจจุบันการอนุญาตสิ้นสุดลงแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ติดตามตัวจนพบ นายจาง บริเวณริมถนน ซอยนาเกลือ 18 หมู่ 5 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) จํานวน 2,160 วัน ส่งพนักงานสอบสวนดําเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบถามนายจางรับสารภาพว่า สาเหตุที่อยู่ในราชอาณาจักรจนการอนุญาตสิ้นสุดเนื่องจากตนมีคดี ลักทรัพย์ที่ประเทศจีน เกรงว่าหากกลับไปจะได้รับการลงโทษตามกฎหมาย จึงหลบหนีอยู่ในประเทศไทยเรื่อยมา จนถูกจับกุมดําเนินคดีในข้อกล่าวหาดังกล่าว
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทํา ความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้าออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทําความผิด กรุณาแจ้งมายัง สํานักงานตรวจคนเข้า เมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ตําบลบ้านใหม่ อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง















