วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2565 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ
ผู้อำนวยการสำนักการต่างประเทศ นายคณิศร ภาพีระนนท์ อัครราชทูตที่ปรึกษาด้านควบคุมยาเสพติด ณ กรุงเวียงจันทน์ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหารือด้านการปราบปรามยาเสพติดกับ พันเอก อินปง จันทะวงสา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการแห่งชาติ เพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติด สปป.ลาว หรือ (Laos National Commission for Drug Control and Supervision : LCDC) และคณะ ณ ห้องประชุมโรงแรมแลนด์มาร์ก นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าวเชิงลึกเกี่ยวกับกลุ่มคนที่มีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ใช้พื้นที่ประเทศไทย และสปป. ลาว ในการเคลื่อนไหว และหารือแนวทางการปฏิบัติการร่วมกันเพื่อการสืบสวนปราบปรามทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ตลอดจนขยายความร่วมมือในการยึดทรัพย์สินเพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในคราวการประชุมทวิภาคีไทย – ลาว ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเป็นไปตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย และท่านพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ที่มุ่งเน้นการปราบปรามเครือข่ายการค้ายาเสพติด หรือผู้อยู่เบื้องหลังองค์กรการค้ายาเสพติด
ปัจจุบันองค์กรค้ายาเสพติดข้ามชาติ มีเครือข่ายที่กระจายแบ่งหน้าที่กันทำงานในหลายประเทศ โดยเครือข่ายอาจมีแหล่งผลิตในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ และมีผู้ประสานรับซื้อและดูแลทางการเงินอาศัยอยู่อีกประเทศ ซึ่งตำแหน่งผู้ดูแลทางการเงินมักจะติดต่อหาผู้เปิดบัญชีเพื่อเป็นช่องทางในการรับเงินที่มาจากการค้ายาเสพติด ในการประชุมครั้งนี้จึงได้ย้ำให้มีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้คน สปป.ลาว ไม่ตกเป็นเหยื่อการรับจ้างเปิดบัญชีดังกล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2564 ประเทศไทยมีประมวลกฎหมายยาเสพติดที่มีบทลงโทษสำหรับการรับจ้างเปิดบัญชี รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินให้กับองค์กรยาเสพติด ซึ่งมีที่มาจากนโยบายการปราบปรามยาเสพติดที่เน้นนโยบายยึดทรัพย์ และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบพฤติกรรมองค์กรค้ายา มักใช้ผู้อื่นเป็นเหยื่อในการเปิดบัญชีรวมถึงการทำธุรกรรมอื่น ๆ เพื่อป้องกันตัวเองจากความผิด”
นายวิชัย กล่าวอีกว่า “ที่ผ่านมาพบมีหลายคดี ที่มีการรับจ้างเปิดบัญชีดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้เท่าทันเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ ความร่วมมือของหน่วยงานยาเสพติดของประเทศในภูมิภาคจะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยข้อมูลด้านการข่าวที่ได้จากประเทศเพื่อนบ้านที่รวดเร็วมีส่วนสำคัญอย่างมากในการสืบสวนจับกุมถึงผู้อยู่เบื้องหลังองค์กรการค้ายาเสพติด ซึ่งครั้งนี้นับเป็นโอกาสอันดี ที่แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยและ
สปป.ลาว จะมีความร่วมมือที่ดีในการปราบปรามยาเสพติดในภูมิภาคร่วมกันต่อไป