ทหารเก๊ตุ๋นสาวโรงงานแต่ง ดอดเขามอบตัวเจรจาขอชดใช้หนี้อดีตเจ้าสาว อ้อนขอโอกาส ตำรวจ เตรียมส่งคดีฟ้องศาลข้อหาฉ้อโกง สวมเครื่องแบบเลียนแบบทหาร
เมื่อเวลา 20.50 น.วันนี้ 17 พ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดปราจีนบุรี รายงานความคืบหน้า จากกรณีมีสาวโรงงาน น.ส.น้ำทิพย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40ปี ถูกชายอ้างตัวเป็นทหาร ซึ่งคบหากันมานานกว่า 5 เดือน ผ่านทางออนไลน์ขอแต่งงาน ก่อนครอบครัวฝ่ายหญิงจัดพิธีมงคลสมรสกันที่บ้านสระจาน ต.นาดี อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี โดยพ่อแม่ฝ่ายหญิงเรียกค่าสินสอด เป็นเงิน 200,000 บาท และทองคำ หนัก 3 บาทเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา
แต่ ปรากฎว่าไม่เห็นแม้เงาเจ้าบ่าว ซึ่งไม่มาเข้าพิธี อีกทั้งติดต่อโทรศัพท์ไปก็ไม่รับสาย ทำให้ครอบครัวต้องเป็นหนี้กู้เงินจัดงานเกือบ 3 แสนบาท ซึ่งต่อมาทั้ง 2 ฝ่ายนัดเคลียร์กันที่ สภ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ในวันที่ 11 พ.ค.2565 ตามที่ได้นำเสนอรายละเอียดไปก่อนหน้านี้ นั้น
ช่วงระมาณ 13.00 น. วันที่ 17พ.ค.65 นายเอก ได้เดินทางมากับญาติเพื่อพบพนักงานสอบสวนฯสภ.นาดี จ.ปราจีนบุรี โดยมีนายสุรพล ศรีอวน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาดี (อบต.) เป็นผู้นำพาเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.นาดี ตามหมายเรียก
นายเอก ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าตอนนั้นไม่ได้คิดหนีเจ้าสาวแต่อย่างใด แต่เกิดมีปัญหาเรื่องสินสอดที่จะจัดงานแต่งงาน เมื่อไม่พร้อมเรื่องเงินค่าสินสอดจึงไม่มาในวันแต่งงาน วันนี้ได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจไม่ได้หนีเจ้าสาว แต่มีปัญหาเรื่องการเงิน วันนี้จะมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนว่าจะยอมผ่อนชำระค่าจัดงานแต่งเป็นงวดๆไป ไม่รู้ว่าทางไปผู้เสียหายจะยอมรับและให้อภัยหรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นอยากจะขอโทษทุกคนที่ทำให้เสียชื่อเสียงและขอรับผิดชอบ ขณะเดียวกันเป็นผู้ที่นายเอก ให้ความเคารพนับถือ
โดยนายกอบต.นาดีกล่าวว่า อยากให้นายเอก รับผิดชอบต่อกระทำ เชื่อว่าทุกคนพร้อมที่จะให้อภัย
นายเอก สุวรรณหงษ์ อายุ 43 ปี ได้เดินทางมาพร้อมกับ นายวัชรพล ศรีอวน นายก อบต.นาดี เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.นาดี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนได้สอบสวนนายเอกเพื่อยืนยันตัวตน และรับว่าเรื่องที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง จึงได้ทำบันทึกรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมพิมพ์ลายนิ้วมือ
พ.ต.ท.ประสิทธิ์ ภักดี สารวัตรสอบสวน สภ.นาดี เปิดเผยว่า ได้แจ้งข้อหาฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ทหาร –อ้างยศ เพื่อหลอกให้คนอื่นหลงเชื่อ มาตรา 146 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท โดยฝ่ายผู้ถูกกล่าวหามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติกรรมจะหลบหนี จึงไม่จำเป็นต้องประกันตัวแต่อย่างใด
โดยทางเรื่องหนี้สิน จากการจัดงานเลี้ยงสมรส ได้ยอมรับผิดและยินยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด มีค่าใช้จ่ายงานแต่งจำนวน 305,000 บาท รวมทั้งค่าทำให้อับอายเสียหน้าอีก 300,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 605,000 บาท โดยตกลงผ่อนจ่ายให้เดือนละ 62,000 บาท จนกว่าจะหมด จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
นายเอก กล่าวว่า หากจะพูดไปเหมือนกับเป็นการแก้ตัว แต่ก็มีบางอย่างที่ข้อมูลเป็นเท็จเหมือนกัน คือการประโคมข่าว เมื่อถามว่ายังรักเจ้าสาวคนนี้อยู่ไหม นายเอก ยืนยันว่ายังรักเจ้าสาวคนนี้อยู่ พร้อมขอโอกาสกลับมาคืนดี แต่ไม่รู้ว่าเจ้าสาวจะยกโทษให้หรือไม่
ส่วนค่าเสียหายที่หลานชายของเจ้าสาวเรียกมานั้น ตนยินยอมจะชดใช้ทุกบาททุกสตางค์ โดยขอเวลาให้ตนผ่อนชำระ ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าตน ไปทำพฤติกรรมแบบเดียวกันที่โคราชนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง
แต่ข้อเท็จจริงนั้นไม่ใช่อย่างที่เป็นข่าวทั้งหมด โดยตนไม่ขอลงรายละเอียดลึกไปกับเรื่องนี้ เพราะว่าไม่มีหลักฐานจะไปอ้างอิง สำหรับสาเหตุที่ตัดสินใจไม่มาในวันที่ 11 พฤษภาคมตามที่ได้เอ่ยว่าจะขอเจรจากับเจ้าสาว เพราะว่าตอนนั้นหาเงินไม่ทัน และไม่มีเงินที่จะเดินทางมา ประกอบกับพักอยู่กับเพื่อน ไม่สามารถทิ้งเพื่อนให้อยู่คนเดียวได้ จึงไม่ได้มาตามเวลาที่นัดไว้ ส่วนในวันนี้ที่ตัดสินใจมาเพื่อยืนยันว่าไม่ได้หนี และพร้อมรับผิดชอบในส่วนที่ได้กระทำไว้
ต่อมาเวลา 21.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางมาที่บ้านพัก น.ส.น้ำทิพย์ พบบ้านปิ สอบถามราบว่ามีอาการเพลีย-ไข้ขึ้น กำลังพักผ่อนหลังเลิกมาจากงานโรงงาน พบกับพ่อ-แม่ของอดีตเจ้าสาว และหลานชายน.ส.น้ำทิพย์ ที่ไปทำการตกลงกับอดีตเจ้าบ่าว
นายสี อายุ 77 ปี และ นางถม พ่อ-แม่ของ น.ส.น้ำทิพย์ กล่าวว่าหลังทางภรรยาแจ้งว่า ลูกสาวมีคนมาชอบ และขอแต่งก็บอกว่าอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจง่ายๆ อยากให้ดูกันไปนานๆ ก่อน จะได้รู้ว่าเป็นคนดีหรือไม่ กรณีบุตรสาวของตนเลิกกันไปแล้วก็เลิกกันไปไม่ยอมให้คืนดีกันหรอก เดี๋ยวมาต้มกันอีก โดยที่ตกลงยกลูกสาวให้นั้นเชื่อเขาว่ารักกัน โดยได้มาช่วยงานต่าง ๆ ดี
ก่อนแต่งงานช่วยงานถึง 01:00 น แล้วหนีไปอย่างนี้ ก็มาต้มกันชัดๆ ทางฝ่ายเราเองในพิธีแห่ขันหมากเจ้าสาว ผูกแขนกันทำกันไปให้มันจบๆงานกันไป
