ปราจีนบุรีแถลงข่าวจัดงานมหกรรมเฉลิมฉลอง 114 ปี ลายพระหัตถ์ เนื่องในวันคล้ายวันพระพุทธเจ้าหลวงทรงเสด็จประพาสดงศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ครบ114 ปี ยิ่งใหญ่ กำหนดงาน ระหว่างวันที่ 17 -18 ธันวาคม นี้
เมื่อเมื่อเวลา 19.30 น.วันนี้ 9 ธ.ค.65 ที่อนุสาวรีย์ลายพระหัตถ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี นายรณรงค์ นครจินดา ผวจ.ปราจีนบุรี , ดร.บังอร วิลาวัลย์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดปราจีนบุรี, นางพวงผกา วิมลภักดิ์วัฒนธรรมจังหวัดปราจีนบุรี, นายอลงค์กรเอี่ยมประไพปลัดอำเภออาวุโส เป็นตัวแทนนาย อำเภอศรีมหาโพธิ, สิบตรีศุภกร กิตติโทวงษ์ นายกเทศมนตรีตำบลศรีมหาโพธิ, นางวันดี เผื่อนอุดม ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)สำนักงานนครนายก ร่วมแถลงข่าว งานมหกรรมเฉลิมฉลอง 114 ปีลายพระหัตถ์เนื่องในวันคล้ายวันพระพุทธเจ้าหลวงทรงเสด็จประพาสดงศรีมหาโพธิ กำหนดงานระหว่างวันที่17-18 ธ.ค.65 นี้ ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ย้อนยุควิถีไทยๆ
นายณรงค์ นครจินดาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า งานนี้เป็นงานที่เราจัดกันหลายคน หลายฝ่าย ที่ได้มาเที่ยวปราจีนบุรี พบมีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเพราะปราจีนบุรีมีสถานที่ท่องเที่ยวมากและอากาศดีมาก เป็นแหล่งโอโซนถึง3อุทยานแห่งชาติมรดกโลก ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติทับลาน และ อุทยานแห่งชาติปางสีดา
มีอาหารการกินอร่อยผลไม้เลื่องชือ อาทิ ทุเรียนอร่อย
เป็นแหล่งอุตสาหกรรมการจัดหางานต่างๆแล้ว บ้านเรา ไม่มีการตกงานเพราะฉะนั้น บริเวณนี้ที่อนุสาวรีย์ลายพระหัตถ์ จึงนับว่าสมบูรณ์ที่สุด
บริเวณนี้อยู่มาตั้งแต่สมัยทราวดี อายุมากกว่า1,200 ปี รวมถึงอยู่ในพระเนตรในสายตาของพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ท่าน ได้ทรงกรุณามาเยี่ยมพระสกนิกร และได้เขียน ลายพระหัตถ์ ที่ศรีมหาโพธิคำว่าจปร รศ.127 และได้มาอยู่อาศัยที่ปราจีนบุรีอยู่พักพิง เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าคนปราจีนบุรีได้ยกย่องเทิดทูนพระมหากษัตริย์
เราจัดงานกันมาเป็นประจำจึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวปราจีนบุรี และใกล้เคียง ในวันที่17 -18 ธ.ค 65 มาเดินเที่ยวงานและกราบรอย พระหัตถ์ ร .5
โดยใน
พระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องเสด็จประพาสมณฑลปราจีน เมื่อ ร.ศ.127 (พ.ศ. 2451)
พระราชหัตถเลขาพระราชทานแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร (พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) จำนวน 2 ฉบับ ฉบับแรก เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ร.ศ. 127 ณ พลับพลา ศรีมหาโพธิ ทรงเล่าการเดินทางตั้งแต่วันที่ 14-17 ธันวาคม ร.ศ. 127 เริ่มจากคลองรังสิต คลองบาง ปลากด ลำน้ำนครนายก เมืองปราจีน ตำบลศรีมหาโพธิ
ฉบับที่สอง เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ร.ศ. 127 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ทรงเล่าการเดินทางตั้งแต่วันที่ 18-24 ธันวาคม ร.ศ. 127 โดยทรงช้าง ที่เจ้าพระยาอภัยภูเบศรจัดให้ เสด็จประพาสดงศรีมหาโพธิ ซึ่งเป็นแหล่งค้นพบเทวสถานและเชิงเทิน เมืองปราจีน
จากนั้นทรงล่องเรือกลับมาทางคลองบางขนาก ปากน้ำเจ้าโล้ คลองประเวศบุรีรมย์ อ่าว บางปกง เมืองชล และพระสมุทเจดีย์”นายรณรงค์กล่าว
ด้านนายอลงกรณ์ เอี่ยมประไพ ปลัดอาวุโสอำเภอศรีมหาโพธิผู้แทนนายอำเภอ กล่าวว่า “ในส่วนของกิจกรรมของอำเภอ ช่วงเช้าของวันที่ 17 ธ.ค. มีการบรรยายประวัติ ปราจีนบุรี
ต่อมาจะมีตลาดย้อนยุค ตรงนี้จะมีสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วย มีการแสดงภาคค่ำย้อนรอยพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสปราจีนบุรี
วันที่ 18 ธ.ค. มีการสาธิต การทำอาหารพื้นเมือง ภาคบ่ายมีจัดขบวนแห่ เฉลิมพระเกียรติต่อมาจะมีพิธีเปิด มีนักร้องมาคุณปนัดดา เรืองวุฒิ มาร่วมเปิดงานด้วย”
ขณะที่นางบังอร วิลาวัลย์ ประธานสภาวัฒนธรรมกล่าวว่า “มีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนส่วนเรื่องประวัติปราจีนบุรี ท่านผู้ว่าฯ ได้พูดไปหมดแล้ว
ทางวัฒนธรรมจังหวัด ได้จัดงานและอำนวยความสะดวกภายในงาน
โครงการนี้เกิดขึ้นทุกปีเพราะประชาชนและองค์กรมีจิตศัทธาในการช่วยจัด
งานมหกรรมเฉลิมฉลอง 114 ปีลายพระหัตถ์เนื่องในวันคล้ายวันพระพุทธเจ้าหลวงทรงเสด็จประพาสดงศรีมหาโพธิและพระบรมวงศานุวงศ์
หวังว่าประชาชนทุกคนจะได้เข้ามาสักการะลายพระหัตถ์และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกท่านมาเที่ยวงานมหกรรมเฉลิมฉลอง 114 ปีลายพระหัตถ์”นางบังอรกล่าว
ด้าน นางพวงผกา วิมลภักตร์ วัฒนธรรม จังหวัด ปราจีนบุรี กล่าวว่า ได้มีนโยบายปรับบทบาทเป็นกระทรวงกึ่งเศรษฐกิจเพื่อเน้นวัฒนธรรมและส่งเสริมเศรษฐกิจ เพื่อสามารถสร้างงานและรายได้ให้กับประชาชน
ในงานวันนี้ถือว่าเป็นงานระลึกถึงพระพุทธเจ้าหลวงที่ได้เสด็จมาปราจีนบุรีและขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันจัดงานและส่งเสริมการท่องเที่ยวและเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปราจีนบุรี”
ด้านสิบตรีศุภกร กิตติโทวงษ์ นายกเทศบาลตรีตำบลศรีมหาโพธิกล่าวว่า ” การจัดงาน เป็นการร่วมมือกัน ในปีนี้ได้รับ ความ ร่วมมือกันเป็นอย่างดีหลังจากว่างเว้นมา 1 ปี
วันที่ 17ธ.ค. มีรำวงย้อนยุค วงใหญ่ มีภาพยนตร์
ส่วนวันที่ 18 ธ.ค.มีรำวงย้อนยุคและภาพยนตร์ปีนี้งาน ยิ่งใหญ่”สิบตรีศุภกรกล่าวในที่สุด
