ผบช.ภ.1 แถลงข่าวจับคดีอุกฉกรรจ์ เจาะตู้เอทีเอ็ม ปล้นทอง ยาบ้ารายใหญ่
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 14 พฤศจิกายน ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ร่วมกันแถลงข่าว ผลการจับกุมคดีอุกฉกรรจ์การสะเทือนขวัญ ในเขตพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดสระบุรี ทั้งสิ้น 3 คดีคดี ประกอบด้วย คดีคนร้ายงัดตู้ ATM อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา คดีคนร้ายปล้นร้านทองในห้างสรรพสินค้าโลตัสสาขา และ คดีจับยาเสพติด 300,000 เม็ด จ. สระบุรี) โดยมีของกลางยาบ้าโทรศัพท์มือถือเงินสดและรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 กล่าวว่า ผบ.ตร สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดบูรณาการร่วมกันสืบสวนจับกุมคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ เป็นที่น่าสนใจของประชาชน และ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท สืบสวนจับกุมบุคคลในเครือข่ายยาเสพติด
โดย เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2565 เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย ได้รับแจ้งว่ามีคนร้าย ก่อเหตุ งัดตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารไทยพาณิชย์ บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อซีเจ สาขาตลาดอุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา จนได้รับความเสียหายแต่ไมได้เงินไป หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สืบสวน สอบสวน ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด และหลักฐานทางยติวิทยาศาสตร์ จนทราบตับคนร้ายที่ก่อเหตุรวบรวมพยานหลักฐานจับกุมตัว นายวีระพงษ์ โกศลยืน อายุ 29 ปี ชาว ต.บางนางร้า อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ได้พร้อมรถยนต์กระบะที่ใช้ในการก่อเหตุ พฤติกรรมของผู้ต้องหาในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 02.00 น. ได้พยายามขับรถเข้าออกบิรเวณที่เกิดตุหลายครั้ง พยายามงัดและเจาะตู้เอทีเอ็ม หลายครั้ง แต่ไม่สามารถเปิดได้ จนมาถูกจับกุมตัว การสืบสวนขยายผลยังทราบอีกว่า ผู้ต้องหาเคยไปก่อเหตุ พยายามงัดตู้เอทีเอ็มที่ สภ.พัฒนานิคม จำนวน 1 ตู้ (ไม่ได้ทรัพย์สิน) และยังเคยก่อเหตุพยายามงัดตู้เอทีเอ็มที่ สภ.โพธิ์ทอง จำนวน 2 ตู้ (ไม่ได้ทรัพย์สิน)
จากกรณีเกิดเหตุคนร้าย ก่อเหตุ ใช้อาวุธปืน ไทยประดิษฐ์ ขนาด.38 ปล้นทองรูปพรรณ ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้า โลตัส สาขา อำเภอเสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ทองรูปพรรณ ไปจำนวน 68 เส้น น้ำหนักรวมประมาณ 86 บาท ราคาประมาณ 2,600,000 บาท แล้วหลบหนีไป คนร้ายมีการใช้อาวุธปืนยิงใส่ตู้ พร้อมกับนำระเบิดปลอมวางไว้หน้าห้าง เพื่อถ่วงเวลา เป็นการกระทำที่อุกอาจมาก
ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนสอบสวน จากตำหนิรูปพรรณ ลักษณะการแต่งกายของคนร้าย สืบสวนจากภาพกล้องวงจรปิด สอบสวนพยาน และการตรวจพิสูจน์จากนิติวิทยาศาสตร์ ถึงแม้คนร้ายจะมีการเตรียมการวางแผนในลักษณะต่างๆมาอย่างดี เจ้าหน้าที่ ตำรวจสามารถสอบสวนสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ออกหมายจับ ผู้ต้องหา ในข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์ทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยมีหรือใช้อาวุธปืนหรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยไม่มีเหตุอันควรในเมือง หมู่บ้าน
และติดตาม จับกุมคนร้ายได้ 3 คน คือนาย ศักดา เฮงสวัสดิ์ อายุ 47 ปี อยู่ ชาว อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา นายนรากร ข้องหลิม อายุ 27 ปี ชาว จ.ชัยนาท และ นายกฤชรัชญ์ เรียบฮวด ชาว จ.ชัยนาท และยังได้ระดมกำลังกันปิดล้อมตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา จำนวน 4 จุด ผลการตรวจค้นสามารถยึดยานพาหนะที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุและพยานวัตถุอื่นที่เกี่ยวข้องได้อีก
ส่วนคดีในพื้น จังหวัดสระบุรีมี 2 คดี จับกมุมตัวนาย นายศักดิ์ชัย คงเจริญ และ นายชนะชน ทับแป้น พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 303,000 เม็ด และจากการสืบสวนขยายผลทราบว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2565 นายศักดิ์ชัย กับพวก ยังได้ส่งกล่องพัสดุ จำนวน 2 กล่อง ซึ่งมียาบ้าจำนวน 190,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ มายังผู้รับในพื้นที่ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี โดยส่งมาที่คัดแยกพัสดุ โดยระบุว่าผู้รับจะมารับเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปเฝ้าแต่ไม่มีผู้มารับจึงตรวจยึดและจะติดตามหาตัวผู้กระทำความผิดต่อไป
อีกคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ต้องหาได้ 4 คนพร้อมของกลางยาบ้า 200,000 เม็ด ตรวจยึดรถยนต์กระบะ 2 คัน ที่ใช้ในการขนยาบ้า และส่งมอบยาบ้า มูลค่า 1,400,000 บาท และเงินสด จำนวน 100,000 บาท กลุ่มขบวนการขนยาบ้าส่งมอบยาบ้า มีการนัดหมายในพื้นที่ จ.สระบุรี และลพบุรี ต่อเนื่องกัน ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลายพื้นที่ร่วมกันในการจับกุม
พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.1 กล่าวถึง กรณีผู้ต้องหาปล้นทองรูปพรรณ ายคดีนี้คนร้าย มีการเตรียมการมาอย่างดี เดินเข้ามาในนห้าง เปิดฉากยิงใส่เข้าไปที่ร้านก่อนเพื่อให้เกิดความโกลาหลตกใจ ไม่ให้พนักงานได้กดกดสัญญาณเตือนภัยได้ทัน แล้วบุกเข้าไปทุบตู้กวาดทองรูปพรรณ จากนั้น คนร้ายได้ทำระเบิดแสวงเครื่องปลอมวาวเอาไว้หน้าทางเข้าห้างเพื่อถ่วงเวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก เป็นการก่อเหตุที่วางแผนไว้อย่างแยบยล ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการร่วมกันสืบสวน ติดตามพฤติกรรมของคนในพื้นที่ คนนอกพื้นที่ คนที่ประวัติอาชญากรรม กล้องวงจรปิด โทรศัพท์มือถือ และทางนิติวิทยาศาสตร์ จนได้พยานหลักฐาน จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ทั้ง 3 คน ที่ร่วมกันวางแผนร่วมกันก่อเหตุ
ความยากของคดีเป็นเรื่องของหลักฐานบางอย่างล่าช้า เช่น คนร้ายก่อเหตุแค่ 2 นาที แต่กว่าจะได้ภาพจากกล้องวงจรปิดจากทางร้าน ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงถึงจะได้ภาพมา แต่เรายังได้ความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะตำรวจพิสูจน์หลักฐาน คดีนี้คนร้ายถึงจะไม่ยอมรับสารภาพ ปฏิเสธ พยานหลักฐานต่างๆที่เรามีทั้งหมดสามรรถดำเนินคดีกับคนร้ายได้อย่างแน่นอน เป้นเรื่องที่น่ายินดีที่คนร้ายไม่ยอมรับสารภาพโทษจะได้หนักรับโทษเต็มๆไป