วันนี้(วันเสาร์ ที่ 10 ส.ค. 65) เวลา 13.30 น.
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์
ผบช.ภ.7
พร้อมด้วย
พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์
ผบก.ภ.จว.นครปฐม
พ.ต.อ.พงษ์สวัสดิ์ จำปาเชื้อ
รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม
พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์
รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม
พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน
รอง ผบก.สส.ภ.7
พ.ต.อ.ศุภชัย ไตรสมบูรณ์
นวท.(สบ.5) ศพฐ.7
พ.ต.อ.ณฐพงศ์ มุกดาหาญ
ผกก.สภ.นครชัยศรี
พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 1 ราย ได้แก่
- นายถนอมจิตร โสสุด ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.334/2565 ลงวันที่ 9 ก.ย.65 ความผิดฐาน “บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้าย, ชิงทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยกระทำการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกในการกระทำผิด และพาทรัพย์นั้นไปให้พ้นจากการจับกุม เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย, ทำให้เสียทรัพย์ และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น”
พร้อมด้วยของกลางในคดี
- บุหรี่ LM แดง 3 ซอง
- บุหรี่ SMS แดง 1 ซอง
- ไฟแช็ค 11 อัน
- กระเป๋าสะพายข้าง 1 ใบ สีครีม (ใบใหญ่)
- กระเป๋าสะพายข้าง 1 ใบ สีครีม (ใบเล็ก)
- ถุงผ้า สีฟ้า 1 ใบ
- ถุงผ้า สีขาว 1 ใบ
- พระเครื่อง จำนวน 11 องค์
- ธนบัตร 20 บาท จำนวน 2 ใบ/ธนบัตร 10 บาท จำนวน 5 ใบ/ธนบัตร 1 บาท จำนวน 2 ใบ
- แหวน จำนวน 4 วง
- กำไล จำนวน 3 วง
- ตุ้มหู จำนวน 3 อัน
- เข็มกลัด จำนวน 1 คู่ กับ 2 ชิ้น
- จักรยานสีฟ้า จำนวน 1 คัน วัน เวลา สถานที่จับกุม
วันที่ 9 กันยายน 2565 เวลาประมาณ 06.00 น. บริเวณ หอพักมาเมซอง ซ.ลาดพร้าว 101 แยก 38 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร พฤติการณ์แห่งคดี
ด้วยเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชัยศรี รับแจ้งเหตุมีคนร้ายบุกรุกเข้าไปลักทรัพย์ที่บ้านเลขที่ 66/7 หมู่ 1 ต.ท่าตำหนัก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ปัจจุบันเปิดเป็นร้านค้าของชำ และมีร่องรอยการรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้าน จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และดำเนินการเข้าตรวจสอบ
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบทราบว่าสถานที่เกิดเหตุดังกล่าวเป็นบ้านตึกสองชั้น ภายในมีร่องรอยรื้อค้นภายในบ้าน จากการสืบสวนทราบว่าผู้อาศัยอยู่คือนางสาวพรนภา แช่ปีง อายุ 74 ปี ปัจจุบันอาศัยอยู่ในบ้านดังกล่าวเพียงคนเดียว โดยบ้านดังกล่าวเปิดเป็นร้านค้าขายของชำ ซึ่งนางสาวพรนภาฯ ได้รับบาดเจ็บจากการถูกคนร้ายทำร้ายร่างกาย โดยญาติได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำส่งโรงพยาบาลนครชัยศรี และต่อมามีการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าด้านหลังบ้านที่เกิดเหตุบริเวณหลังคาบ้านชั้น 2 มีร่องรอยการรื้อหลังคากระเบื้องออก 1 แผ่น และพบรอยเท้าของคนร้ายที่บริเวณหน้าต่างซึ่งเชื่อว่าคนร้ายน่าจะปีนเข้าที่หลังคาบ้านชั้น 2 และโรยตัวลงมาที่บริเวณฝ้าเพดาน จากการตรวจสอบภายในบ้านพบว่าบริเวณฝ้าเพดานชั้น 2 มีร่องรอยแตกเป็นรูขนาดประมาณเท่ากับตัวคนที่สามารถรอดลงมาได้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นครชัยศรีสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่านายถนอมจิตร โสสุด เป็นผู้ก่อเหตุ จึงขอศาลออกหมายจับตัวผู้กระทำความผิด และศาลได้ออกหมายจับ นายถนอมจิตร โสสุด ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.334/2565 ลงวันที่ 9 ก.ย.65 ความผิดฐาน “บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้ายและชิงทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยกระทำการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้าโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดและพาทรัพย์นั้นไปให้พ้นจากการจับกุมเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและทำให้เสียทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น”
จากการสืบสวนพบนายศุภกฤต หรือบอล โสสุด รับว่ามีแฝดอีกคนชื่อ นายถนอมจิตร โสสุด แต่ตอนนี้ได้กลับไปอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ จึงสืบสวนติดตามคนร้ายจนทราบว่า นายถนอมจิตร หรือหนึ่ง โสสุด หนีไปพักอาศัยอยู่บริเวณ ซ.ลาดพร้าว 101 แยก 38 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สน.ลาดพร้าว
เมื่อไปพบว่านายถนอมจิตร โสสุด ยืนอยู่บริเวณล็อบบี้ของหอพักมาเมซอง ช.ลาดพร้าว 101 แยก 38 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้จับกุมตัวนานถนอมจิตรฯ ตามหมายจับดังกล่าว และได้ตรวจสอบภายในห้องพัก พบของกลางจำนวน 13 รายการ จึงได้แจ้งสิทธิ์ให้ทราบและแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบแล้วและให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรนครชัยศรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ภายหลังแถลงผลการจับกุญาติผู้เสียหายได้มอบแจกันดอกไม้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อแสดงความขอบคุณที่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของครอบครัวผู้เสียหาย ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องรวบรวมพยานหลักฐานในคดีให้รอบคอบ เพื่อให้สามารถดำเนินคดีลงโทษผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้องได้จนถึงที่สุด ตามคติที่ว่า”คนดีต้องอยู่เย็นเป็นสุข คนร้ายต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์” ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดหลักการทำงานแบบ “กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก” จนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่พี่น้องประชาชน ในนามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 ได้ฝากถึงประชาชนว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ และขอชมเชยเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน ที่ได้ทำงานด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมส่วนรวม และขอให้รักษาความดีนี้ไว้สืบต่อไป
ณ สภ.นครชัยศรี ต.นครชัยศรี อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม