นนทบุรี ลูกสาวหลั่งน้ำตาต่อหน้าทนายดัง หลังพ่อผ่าตัดพบไส้ทะลักก่อนเสียชีวิตอนาถใน รพ.อ้างหัวใจวายเอง
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 15 พฤศจิกายน 68 ที่สำนักงานมูลนิธิ รณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ดจ.นนทบุรี นางแมว พร้อมลูกสาว 2 คน คือ น.ส.อุ้ม และ น.ส.อ้อม อยู่บ้านเลขที่ 59/208 ม.2 ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นำหลักฐานเอกสารต่างๆเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิ เพื่อขอให้ช่วยเหลือ หลังจากนายประสิทธิ์ แจ้งดี อายุ 67 ปี สามี เสียชีวิตอย่างน่ากังขา ในโรงพยาบาลปทุมธานี ขณะตรวจพบเป็นมะเร็งลำไส้และเข้ารับการผ่าตัด แต่เวลาต่อมากับพบว่าไส้ไหลออกมาจากแผลผ่าตัด ขณะกลับมาพักฟื้นที่บ้าน จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง แต่ก็ต้องนอนรอกว่า 6 ชั่วโมง จนสามีทนความเจ็บปวดไม่ไหวหายใจไม่ออก ขอร้องให้ทางโรงพยาบาลช่วยฉีดยา แต่กับขาดการเหลียวแลจากแพทย์และพยาบาล สุดท้ายสามีต้องเสียชีวิตอย่างอนาถในเวลาต่อมา
น.ส.อุ้ม เล่าทั้งน้ำตานองหน้าว่า พ่อของตนเคยทำงานเป็น รปภ. อยู่ที่โรงพยาบาลจุฬา จนเกษียณ ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลปทุมธานี และตรวจพบว่าเป็นมะเร็งลำไส้ โดยทาง คุณหมอนัดให้มาผ่าตัดที่โรงพยาบาลวันที่ 16 ตุลาคม 68 หลังการผ่าตัดผ่านพ้นไปจึงได้กลับมาพักฟื้นรักษาตัวที่บ้าน และพาคุณพ่อไปล้างแผลทุกวันตามที่หมอสั่ง
ต่อมา วันที่ 29 ตุลาคม 68 ทางครอบครัวเห็นแผลที่ผ่าตัดคุณพ่อเปียกแฉะไม่แห้งสนิท จึงพา ไปที่คลินิกหมอใกล้บ้านเพื่อให้ดูอาการ ทางคลินิกแจ้งว่าควรจะต้องรีบพาไปให้แพทย์ที่ผ่าตัดของโรงพยาบาลรักษาจะดีกว่า ตนกับคุณแม่และน้องสาว รีบนำตัวคุณพ่อเดินทางไปที่โรงพยาบาลปทุมธานี แต่ไม่พบแพทย์เจ้าของไข้ที่ผ่าตัดคุณพ่อในครั้งแรก คุณพ่อต้องนอนรออยู่ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลนานกว่า 6 ชั่วโมง
จนคุณแม่ต้องออกมาบอกกับตนว่า พ่อหายใจไม่ออกทรมานมากและยังเจ็บที่แผลผ่าตัดด้วย ซึ่งตอนนั้นพบว่าบาดแผลจากผ่าตัดมีลำไส้ทะลักออกมา ครอบครัวตนตกใจมากจึงขอร้องให้ทางโรงพยาบาลรีบเร่งช่วยเหลือ จนกระทั่งมีหมออีกคนหนึ่งมาทำการผ่าตัดให้คุณพ่อ แต่สุดท้ายคุณพ่อก็มาเสียชีวิต ในตอนเช้าของวันที่ 30 ต.ค.68 โดยทางโรงพยาบาลแจ้งว่าเสียชีวิตเพราะหัวใจวาย
น.ส.อุ้ม เล่าต่อด้วยน้ำตาน้องหน้าปล่อยเสียงโฮว่า ทีแรกครอบครัวก็ตั้งใจจะนำคุณพ่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬา แต่เราก็เชื่อและไว้ใจโรงพยาบาลแห่งนี้ที่อยู่ใกล้บ้าน การนำคุณพ่อไปรักษา ก็หวังว่าจะหายและกลับมาเลี้ยงหลานที่บ้าน พ่อคุณพ่อรักหลานมาก (ลูกของนางสาวอุ้ม) ไม่คิดว่าแทนที่คุณพ่อจะได้กลับมาเลี้ยงหลาน ครอบครัวกลับต้องไปนำร่างและก็รูปถ่ายคุณพ่อออกมาจากโรงพยาบาลแทน แถมขณะนี้ทางโรงพยาบาลก็ไม่ยอมชี้ชัด หรืออธิบายให้ ครอบครัวได้ทราบถึงการเสียชีวิตของคุณพ่ออย่างแท้จริง แม่กับตนและน้องสาวรู้สึกกางขา กับการเสียชีวิตของคุณพ่อเป็นอย่างมาก หากคุณพ่อไม่นอนรอถึง 6 ชั่วโมงและทางคุณหมอมาใส่ใจดูแลสักนิด พ่อของตนก็คงไม่เสียชีวิตในสภาพแบบนี้
ด้านทนายรณณรงค์ กล่าวทั้งน้ำตาที่ซึมว่า เห็นว่าจะมีการพูดคุยกับทางโรงพยาบาลในวันจันทร์นี้ทางญาติยังติดใจและจะไปยืนกันหน้าโรงพยาบาลและให้คุณหมอออกมาตอบมาชี้แจง เพราะใบ มรณะบัตรบอกว่าเป็นหัวใจ แต่แผลที่เห็นคือไส้ไหล เรื่องนี้ต้องได้รับความจริงประเด็นที่ต้องไปรอถึง 6 ชั่วโมง ถึงจะได้รับการผ่าและเกิดความผิดพลาดของโรงพยาบาล นี่ดีนะที่ญาติมีการถ่ายภาพไว้บ้าง ไม่งั้นคงจะไม่มีหลักฐานอะไรเลย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ผู้ใดกระทำการประมาทในการกระทำอันเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตนอยากให้คุณหมอที่ตัดไหมและล้างแผล ออกมาอธิบายว่าในขบวนการทางการแพทย์มันถูกต้องหรือไม่ถ้าถูกเขาคงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก ตนก็ไม่ใช่หมอคงไปเถียงท่านไม่ได้ จะทำได้ก็คือให้ญาติไปแจ้งความที่ สภ.ปทุมธานีเสร็จแล้วจะไปร้องที่กระทรวงสาธารณสุขให้มีการตรวจสอบว่า ได้มาตรฐานหรือไม่และจะขอค่าเสียหายกับเรื่องที่เกิดขึ้น อีกทั้งต้องมีบทลงโทษหรือไม่เพื่อไม่ให้คนไข้รายอื่นต้องมาอยู่ในสภาพแบบเดียวกัน มันมีกฎหมายรับผิดชอบอยู่แล้วเรื่องของเหตุละเมิดถ้าฟังได้ว่าเกิดจากความประมาท เลินเล่อของบุคลากรทางการแพทย์ อย่ามาบอกว่าคนไข้เยอะทำไม่ทัน ถ้าโรงพยาบาลไหนบอกคนไข้เยอะทำไม่ทันก็แจ้งญาติคนไข้ด้วยจะได้ไปหาที่โรงพยาบาลอื่นแต่ก็คงทำไม่ได้เพราะมันขัดต่อระเบียบราชการ ฝากถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้มาสนใจปัญหาเล็กๆน้อยๆเหล่านี้บ้างเพราะมันเกี่ยวพันถึงชีวิตคนก็ฝากตรงนี้ด้วย ทนายรณณรงค์ กล่าว









