ลูกเสือรัฐสภาไทย เดินหน้า 3 แกนยุทธศาสตร์: เสริมสมาชิก เร่งอบรม ต่อเชื่อมเวทีโลก
[วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568] — ณ ห้องประชุม CA 408 อาคารรัฐสภา พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานชมรมลูกเสือรัฐสภาไทย ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารและที่ปรึกษา ครั้งที่ 8/2568 เพื่อเดินหน้ากำหนดทิศทางการทำงานในปีสุดท้ายอย่างเข้มข้นทั้งนี้ ที่ประชุมได้ย้ำถึงหลักการทำงานสำคัญคือ “ทำงานจริง เห็นผลจริง” และขอให้คณะที่ปรึกษาและคณะทำงานเข้าร่วมประชุมอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้ง ได้ประสานงานขอใช้พื้นที่ประชุมภายในรัฐสภาให้เพียงพอต่อการขับเคลื่อนภารกิจรายเดือน
สำหรับมติสำคัญ ที่ประชุมได้เห็นชอบแต่งตั้งคณะทำงานรับผิดชอบพิธีและกิจกรรมสำคัญที่กำลังจะมาถึง โดยมอบอำนาจให้ดำเนินการและรายงานตรงต่อประธานชมรม ขณะเดียวกัน ยังได้เห็นชอบหลักการรับสมาชิกใหม่ตามระเบียบ ซึ่งจะต้องมีการคัดกรองอย่างเข้มข้น ประกาศรายชื่อ 15 วัน และชำระค่าบำรุงตามเกณฑ์ที่กำหนด นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติรับรองรายงานการประชุมครั้งก่อนหน้า และรับทราบความคืบหน้าของโครงการหลักสูตรผู้นำ (LATC)
ในส่วนของการพัฒนาบุคลากร ที่ประชุมยืนยันจัดอบรมลูกเสือในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ณ ค่ายลูกเสือจังหวัดนครนายก ซึ่งทาง สพป.นครนายก ได้ยืนยันความพร้อมของสถานที่อย่างเต็มที่ ทั้งในด้านระบบที่พัก ห้องน้ำ เครื่องนอน และกำลังเร่งปรับปรุงสาธารณูปโภคอื่น ๆ ให้ได้มาตรฐาน
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางปฏิบัติให้ทุกฝ่ายดำเนินการอย่างเคร่งครัด ได้แก่ การสรุปรายชื่อผู้เข้ารับการอบรมรายเดือน การขอห้องประชุมย่อยทุกสองสัปดาห์เพื่อเร่งรัดงาน และการแต่งกายตามระเบียบลูกเสืออย่างเหมาะสม รวมถึงการคำนึงถึงความเหมาะสมในช่วงไว้ทุกข์
พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง ได้กล่าวเสริมว่า ชมรมลูกเสือรัฐสภาไทยขับเคลื่อนงานภายใต้งบประมาณที่จำกัด ดังนั้น จึงต้องประสานความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนควบคู่ไปกับการทำงานของชมรมฯ โดยพร้อม กำหนดระบบบริหารจัดการงบกิจกรรมให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
ขณะที่ภารกิจระหว่างประเทศ คณะตัวแทนไทยเตรียมเข้าร่วมประชุมสหภาพลูกเสือรัฐสภาโลก (WPSU) ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ระหว่างวันที่ 6–13 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งคณะจะใช้ ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการในการนำเสนอบทบาทของไทยและขยายเครือข่ายความร่วมมือกับรัฐสภาประเทศต่าง ๆ
สรุปโดยรวม การประชุมครั้งนี้ได้วางกรอบปฏิบัติ “สามแกนหลัก” อย่างชัดเจน ได้แก่ การเสริมสร้างสมาชิก การเร่งรัดการอบรม และ การขยายความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้ “ลูกเสือรัฐสภาไทย” เป็นพลังสร้างสรรค์ที่เข้มแข็งของรัฐสภาและสังคมไทยอย่างยั่งยืน











