นนทบุรี หนุ่มใต้ร้องทนายดัง ถูก พ.ต.ท.รอง ผกก. ยิงปืนใส่เกือบเอาชีวิตไม่รอด (มีคลิป )
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 68 ที่สำนักงานมูลนิธิทนายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ดจังหวัดนนทบุรี นายกิตติพงศ์ สุขจู อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98/2 หมู่ 1 ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี นำเอกสารหลักฐานต่างๆเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ ว่าที่ ร.ต.รภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิ และ นายชาญชัย ฉายบุ ที่ปรึกษามูลนิธิ เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรมหลังตนเองถูก พ.ต.ท.รองผู้กำกับสอบสวนรายหนึ่งของโรงพักใน จ.ยะลา ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่ จนตนต้องวิ่งหนีตายเกือบเอาชีวิตไม่รอด หลังเข้าแจ้งความแล้วปรากฏว่าคดีไม่มีความคืบหน้า จนเกรงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการช่วยเหลือพรรคพวกเดียวกัน อีกทั้งยังรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย เพราะหลังเกิดเหตุมีพรรคพวกมักมาเตือนเสมอว่ามีเรื่องกับตำรวจระวังจะโดนยัดสารพัดข้อหาทำผิดกฎหมาย
นายกิตติพงศ์ เล่าทั้งน้ำตาว่า จริงๆแล้ว พันตำรวจโทรายนี้ซึ่งใครๆเรียกกันว่า “รองใหญ่ ” มีศักดิ์เป็นน้องเขยของตนเอง เวลากินเหล้าเมาก็มักจะหาเรื่องตนเป็นประจำ คืนเกิดเหตุช่วงวันที่ 23 กันยายน 68 เวลา 3 ทุ่มกว่า พันตำรวจโทน้องเขย รายนี้ อยู่ในอาการมึนเมาได้ขี่จยย.ยี่ห้อ Honda รุ่น Scoopy i สีดำ เข้ามาหาตน ซึ่งบ้านของตนเองอยู่ใกล้ๆกับ สภ.ตุยง พร้อมทั้งพูดจาโวยวายใส่ตนเอง
ตอนนั้นตนตกใจมากกว่าจะเกิดอันตรายเพราะตนเห็น “รองใหญ่” เดินเข้ามาหา ตนจึงรีบหลบออกมาจากบ้าน ทางรองใหญ่ น้องเขยรายนี้ ได้เดินตามหลังตนมา และชักอาวุธปืน แต่หลุดมือปืนตกลงบนถนน ก่อนที่รองใหญ่ จะหยิบปืนขึ้นมาแล้วเล็งใส่มาที่ตน 1 นัด แต่กระสุนไม่โดนใครตนจึงรีบวิ่งหนีอย่างเร็ว แต่โดยมีรองใหญ่ก็วิ่งตามมา และพยายามจะยิงใส่ตนเองอีก ก่อนที่น้องเขยรายนี้จะขึ้นรถยนต์ไฟฟ้าคันสีขาว ขับหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว นายกิตติพงศ์ เล่าทั้งน้ำตาต่อว่า ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีตรงไปตรงมาไม่ช่วยเหลือพวกเดียวกัน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาจะร่วมเดือนแล้วแต่คดีกับไม่มีความคืบหน้าเลยหลังตนเองเข้าแจ้งความ นายกิตติพงศ์ กล่าว
ขณะที่ว่าที่ ร.ต.รภัสสิทธิ์ กล่าวว่า คดีนี้ทางมูลนิธิ จะติดตามความคืบหน้าให้ โดยจะสอบถาม ไปทางร้อยเวรเจ้าของคดี ว่าไปถึงไหนแล้ว หากไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่คืบหน้าล่าช้าตนจะพาผู้เสียหาย ไปร้องเรียนกับ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี หรือไม่ก็ที่ สตช.เลย ตนอยากฝากถึงร้อยเวร เจ้าของคดี ว่านับจากวันนี้ไปขอให้คุณทำคดีให้กระจ่างภายใน 7 วัน มิเช่นนั้นทางมูลนิธิจะพาผู้เสียหายไปร้องเรียนกับหน่วยงานผู้บังคับบัญชาของนายตำรวจรองผู้กำกับรายนี้ นายชาญชัย หรือทนายหนุ่ย ที่ปรึกษามูลนิธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้เท่าที่ตรวจสอบดูจากภาพวงจรปิดแล้ว เข้าข่ายพยายามฆ่าเลยทีเดียว หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบและพบร่องรอยปลอกกระสุนปืนตกในที่เกิดเหตุ จึงสามารถ ดำเนินคดีกับนายตำรวจคนนี้ได้เลย
