จับขบวนการบัญชีม้า
แอปฯ เงินกู้ Jump money ดอกเบี้ยโหด 3,474.80% ต่อปี
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิวัฒน์
จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ., พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ, พ.ต.ท.ภาคิน สุขพรหม และ พ.ต.ท.หญิง สินีนาฏ เชิดชูตระกูลทอง รอง ผกก.5 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ มอญรัต สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมด้วย ร.ต.อ.ศิระศักดิ์ ธนาวิบูลย์กุล รอง สว.กก.5 บก.ปอศ , ด.ต.คัมคุณ บุญครอบ, ด.ต.ศุภชัย เอกจีน, ด.ต.ชัยวัฒน์ เขียวอิ่ม,
ด.ต.อติกันต์ เปรมสุข , จ.ส.ต.เจษฎา สายติ๊บ ,จ.ส.ต.ธีระเดช ลำสมุทร, จ.ส.ต.บรรเจิด คำเหลื่อม และ
ส.ต.อ.อธิเบศร์ พรหมสิทธิ์ ผบ.หมู่ กก.5 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม นายจำรูณฯ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญามีนบุรี เลขที่ จ.1123/2568 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2568
เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด”
สถานที่จับกุม บริเวณริมถนนเอเชีย ตำบลบ้านกรด อำเภอบางประอินทร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พฤติการณ์ เมื่อประมาณปลายปี 2567 มีผู้เสียหายหลายรายได้ร้องเรียนผ่านศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ (ศปน.ตร.) ว่าได้กู้ยืมเงินกับแอปฯ เงินกู้เถื่อน Jump Money ซึ่งพบว่ามีการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และมีการทวงถามหนี้โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ. จึงตรวจสอบข้อเท็จจริง และสอบปากคำผู้เสียหาย จนทราบว่าแอปฯ เงินกู้เถื่อน Jump Money หากจะทำการกู้ยืมเงินได้ จะต้องยินยอมให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย
โดยหากผู้เสียหายกู้ยืมเงินจะมีค่าดำเนินการ และค่าเอกสาร ซึ่งจะต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกวัน ซึ่งคิดคำนวณเป็นอัตราดอกเบี้ยได้กว่าร้อยละ 3,474.80 ต่อปี และหากผิดนัดชำระหนี้ จะมีคนโทรศัพท์มาทวงถามหนี้กับทางผู้เสียหาย และบุคคลใกล้ชิด จนทำให้ผู้เสียหายเดือดร้อน จึงมาแจ้งความต่อ กก.5 บก.ปอศ. เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย
ต่อมาเดือน มิ.ย. 2568 พนักงานสอบสวนได้
ทำการสอบสวนสืบสวนจนสามารถขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับนายจำรูณฯ และกลุ่มขบวนการอีกหลายราย ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลประวัติอาชญากรรมพบว่านายจำรูณฯ ซึ่งทำหน้าที่เป็นบัญชีม้าในคดี และมีประวัติเกี่ยวกับบัญชีม้าอีกหลายคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงเฝ้าติดตามสะกดรอยหาข้อมูลเพื่อจับกุมผู้ต้องหา เพื่อตัดช่องทางการเงินของกลุ่มแอปฯเงินกู้ผิดกฎหมายในคดีนี้
ต่อมาตามวันและเวลาที่จับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบสวนทราบจากสายลับ ว่านายจำรูณฯ มาทำงานร้าน วัสดุก่อสร้างริมถนนเอเชีย ตำบลบ้านกรด อำเภอบางประอินทร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าไปเฝ้าสะกดรอย จนพบเห็นนายจำรูณฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและแสดงความบริสุทธิ์ใจ จนเป็นที่พอใจแก่ นายจำรูณฯ แล้วตรวจค้นตัวพร้อมแสดงหมายจับดังกล่าวข้างต้นให้ นายจำรูณฯ ดู
โดยนายจำรูณฯ ยืนยันว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับดำเนินคดีตามหมายจับนี้มาก่อน พร้อมกับยอมรับว่าตนเองมีคดีติดตัวในข้อหาบัญชีม้าอีกหลายคดี เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งสิทธิของผู้ต้องหาให้ นายจำรูณฯ ทราบและนำตัวผู้ต้องหานำส่ง พงส.กก.5 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชน ถึงภัยของแอปฯเงินกู้เถื่อน จึงขอแนะนำ 5 วิธี ในการป้องกันตนเองจากมิจฉาชีพที่แอบแฝงมาในแอปฯ เงินกู้
1. ตรวจสอบแอพพลิเคชั่นเงินกู้ว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
2. ไม่ควรยินยอมให้แอพพลิเคชั่นเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวในโทรศัพท์
3. หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาโดยเด็ดขาด
4. ควรอ่านรายละเอียดข้อตกลงและเงื่อนไขในการทำสัญญาให้ดีก่อนทุกครั้ง
5. หากการกู้ยืมใด ที่ต้องโอนค่ามัดจำ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจเป็นการหลอกลวง
หากการกู้ยืมใด ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปี หรือมีเงื่อนไขการกู้ยืมที่ไม่เป็นธรรม ท่านไม่ควรยอมรับเงื่อนไขการกู้ยืมเงินนั้นๆ เพราะเพียงแค่กดปุ่มยอมรับแค่ครั้งเดียว อาจทำให้ท่านเสียเงิน แถมตกเป็นหนี้ได้โดยไม่รู้ตัว สำหรับประชาชนท่านใดที่มีเบาะเเสเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สามารถเเจ้งเข้ามาได้ที่ ศปน.ตร. หรือสายด่วน 1599
โทษสำหรับผู้ที่รับเปิดบัญชีม้า – ซิมผี ตามพระราชกำหนด มาตราการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 คือ
เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ที่เป็นธุระจัดหา โฆษณา เพื่อให้มีการซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ บัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 – 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000 – 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”