ตำรวจไซเบอร์ร่วม กสทช. บุกคอนโดคนจีน ยึด Mini PC เถื่อนกว่า 130 ชิ้น ใช้ใส่ซิมปล่อยสัญญาณปลอม คาดใช้ทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์
.
วันจันทร์ที่ 6 ก.ย.68 เวลา 15.00 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 นำโดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรุษ แสงจันทร์, พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน, พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ, พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และ พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ร่วม กสทช. บุกคอนโดคนจีน ยึด Mini PC เถื่อนกว่า 130 ชิ้น ใช้ใส่ซิมปล่อยสัญญาณปลอม คาดใช้ทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์
.
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.4 บก.สอท.4 ได้สืบสวนพบเบาะแสว่า มีการลักลอบตั้งศูนย์ปฏิบัติการต้องสงสัย ภายในอาคารแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร โดยอาจใช้เป็นสถานที่ดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงประชาชน หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อมูลภาพถ่ายภายในห้องดังกล่าว พบว่าเป็นภาพของชั้นวางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกติดตั้งเรียงกันเป็นจำนวนมาก โดยอุปกรณ์ดังกล่าว คาดว่าเป็นเครื่องมินิพีซี (Mini Pc)
.
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นต่อศาลอาญาพระโขนงได้สำเร็จ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สอท.4 ได้สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ร่วมกันนำหมายค้นศาลอาญาพระโขนง เลขที่ ค127/2568 ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2568 เข้าตรวจค้นห้องพักบนชั้น 23 ของอาคารคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร
.
โดยขณะเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบผู้จัดการของบริษัทรับฝากขายเช่าเป็นผู้ดูแลห้องดังกล่าวให้แก่เจ้าของห้อง พร้อมกับผู้จัดการนิติบุคคลอาคาร จึงได้แสดงหมายค้น จากนั้นจึงได้นำเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น
.
ผลจากการตรวจค้น พบสิ่งเครื่องวิทยุคมนาคม(Mini Pc) อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และฐานรองซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ จำนวน 137 ชิ้น ซึ่งเป็นเครื่องวิทยุคมนาคมเถื่อน (Router ใส่ sim) ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงาน กสทช.
.
โดยอุปกรณ์แต่ละตัวมีเสาอากาศ สายไฟ และสาย LAN เชื่อมต่ออยู่ อุปกรณ์เหล่านี้มีลักษณะคล้ายกับการใช้สำหรับเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตปริมาณมากในเวลาเดียวกัน เช่น ระบบของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อใช้รองรับการหลอกลวงในรูปแบบ Scammer
.
จากการตรวจสอบเบื้องต้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานเพิ่มเติมว่า อุปกรณ์เหล่านี้ยังอาจถูกใช้เพื่อปล่อยสัญญาณปลอม การดักจับข้อมูลออนไลน์ เช่น SMS หรือ OTP หรืออาจใช้สำหรับเจาะระบบบางอย่าง รวมทั้งใช้สำหรับสร้างข้อมูลการใช้งาน Server หรือ Router ปลอมขึ้นมา เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามตัวตนจากเจ้าหน้าที่
.
จากการตรวจสอบข้อมูลกับผู้จัดการของบริษัทรับฝากขายเช่าที่ดูแลห้องดังกล่าว ทราบว่าผู้เช่า คือ Mr.ZHANG HAINING สัญชาติ จีน เป็นผู้ทำสัญญาเช่าห้องพักดังกล่าว ซึ่งมีความผิดตามพระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 และ ที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 6 และ 11 ประกอบมาตรา 23 ฐาน “มีและใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งปรับทั้งจำ
.
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดของกลางทั้งสิ้น 4 รายการ จำนวน 137 ชิ้น ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมเร่งขยายผลติดตามตัวชาวจีนรายดังกล่าวมาดำเนินคดี รวมทั้งขบวนการที่อุปกรณ์ดังกล่าวอาจถูกนำไปใช้ เพื่อดำเนิ
นคดีตามกฎหมายต่อไป