ตำรวจไซเบอร์แดนอีสานรับลูก “วอร์รูม IAC” ล่าเครือข่ายโทรขู่เอี่ยวฟอกเงิน อายัดบัญชีม้านักโทษแจ้งข้อหาในเรือนจำ เหยื่อได้คืนทุกบาทรวมกว่า 1.5 หมื่น
.
ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จนนำมาสู่ปฏิบัติการดังกล่าว
.
วันศุกร์ที่ 26 ก.ย.68 เวลา 08.30 น. ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.3 หมู่ 3 ถนนมิตรภาพ ต.สำราญ อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3, พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์แดนอีสานรับลูก “วอร์รูม IAC” ล่าเครือข่ายโทรขู่เอี่ยวฟอกเงิน อายัดบัญชีม้านักโทษแจ้งข้อหาในเรือนจำ เหยื่อได้คืนทุกบาทรวมกว่า 1.5 หมื่น
.
สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ เป็น ผบ.ศกค. ได้เดินหน้าขับเคลื่อน “Warroom IAC” ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและการเงินทั้งในประเทศ และหน่วยงานระหว่างประเทศ อาทิ UNODC, FBI และ Interpol เพื่อจัดการปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างบูรณาการ โดยครอบคลุมตั้งแต่การกวาดล้างเครือข่าย การระงับบัญชี ติดตามเส้นทางการเงิน ไปจนถึงการคุ้มครองเหยื่อ โดยเน้นมาตรการเชิงรุกภายใต้แนวคิด “ปิดประตูทุบหม้อข้าว” เพื่อมุ่งสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 3 เดือน โดยเฉพาะการตัดวงจรเครือข่ายใหญ่ในกัมพูชา ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการหลอกลวงประชาชนไทยและต่างประเทศ
.
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดดำเนินการตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน” อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้ สามารถจับกุมเครือข่ายบัญชีม้าของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ และสามารถติดตามนำคืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนในโครงการ “MONEY CASH BACK” ไปแล้วหลายครั้ง รวมจำนวนเงินกว่า 250 ล้านบาท
.
กรณีล่าสุด เมื่อวันที่ 28 พ.ย.67 ได้มีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกคนร้ายที่แอบอ้างเป็นพนักงานจากค่ายผู้ให้สัญญาณโทรศัพท์ มือถือชื่อดังโทรหา และมีการส่งสายต่อให้ผู้ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองร้อยเอ็ด หลอกลวงผู้เสียหายว่า บัญชีธนาคารของผู้เสียหายถูกใช้กระทำความผิดร่วมกับผู้ต้องหาในคดีฟอกเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อ คนร้ายจึงให้เพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ (LINE) จากนั้นได้มีการวิดีโอคอลพูดคุยเพื่อเปิดกล้อง ให้เห็นว่าคนที่คุยด้วยแต่งเครื่องแบบเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งคนร้ายยังได้ส่งภาพเอกสารที่ถูกทำปลอมขึ้นเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นจึงข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินที่มีทั้งหมดไปให้ตรวจสอบ แล้วคนร้ายจะออกหนังสือแสดงความบริสุทธิ์ใจให้ ซึ่งหากผู้เสียหายไม่ยินยอมก็จะถูกออกหมายจับ สุดท้ายผู้เสียหายหลงเชื่อและเกิดความกลัว จึงโอนเงินไปยังบัญชีที่คนร้ายแจ้ง หลังจากโอนเงินแล้ว คนร้ายยังบอกให้ผู้เสียหายหาเงินมาโอนเพิ่มอีกเรื่อยๆ และคนร้ายยังได้ลบข้อความพูดคุยออกจากแชทที่เคยสนทนากัน ผู้เสียหายจึงเอะใจ และรู้ตัวว่าโดนมิจฉาชีพหลอกลวง รวมความเสียหายทั้งสิ้น 15,189 บาท
.
จากกรณีดังกล่าว กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 และ กลุ่มงานสอบสวน บก.สอท.3 ได้ร่วมกันสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวได้แล้วบางส่วน โดยดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง”
.
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนติดตามตัว นายหลุยส์ อายุ 45 ปี หนึ่งในผู้ต้องหา พบว่าเป็นผู้ต้องขังที่อยู่ในการควบคุมของเรือนจำแห่งหนึ่ง จึงได้อายัดตัวเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำ พร้อมประสานธนาคารเพื่ออายัดเงินในบัญชีธนาคารของนายหลุยส์ฯ ที่ผู้เสียหายได้โอนเข้าบัญชีดังกล่าวตามที่ถูกหลอกลวง เป็นเงิน 15,189 บาท โดยบัญชีธนาคารดังกล่าวถูกเปิดใช้งานในวันที่ 23 พ.ย.2567 ก่อนเกิดเหตุ หลังรับทราบข้อกล่าวหา นายหลุยส์ฯ ผู้ต้องหา ได้ให้ถ้อยคำว่า ตนเองไม่ได้เป็นผู้ใช้งานบัญชีธนาคารดังกล่าว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่อายัดไว้ในบัญชี และไม่โต้แย้งในกรรมสิทธิ์ในเงินจำนวนดังกล่าวแต่อย่างใด และยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมอบเงินในบัญชีตามจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ผู้เสียหาย
.
โดยวันนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงินจำนวน15,189 บาท มอบคืนให้แก่ผู้เสียหาย ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่า
ม้าคว้าเงินคืน”