“MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน EP.38-40” ตำรวจไซเบอร์เกียร์สูง “War Room IAC” ทวงเงินคืนผู้เสียหายอีก 3 ราย อายัดได้กว่า 4 แสนบาท
.
วันศุกร์ที่ 5 ก.ย. 68 เวลา 12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 5 บก.สอท.4 ม.3 ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผบก.สอท.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว “MONEY CASH BACK ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน EP.38-40” ตำรวจไซเบอร์เกียร์สูง “Warroom IAC” ทวงเงินคืนผู้เสียหายอีก 3 ราย อายัดได้กว่า 4 แสนบาท
.
สืบเนื่องจาก พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อน “Warroom IAC” ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงและสถาบันการเงินต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมตั้งแต่การกวาดล้างเครือข่าย การระงับบัญชี ติดตามเส้นทางการเงิน ไปจนถึงการคุ้มครองเหยื่อ ภายใต้แนวคิด “ปิดประตูทุบหม้อข้าว” ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตร. ในฐานะ ผบ.ศกค. โดยก่อนหน้านี้ สามารถจับกุมเครือข่ายบัญชีม้าของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ และสามารถติดตามนำคืนให้แก่ผู้เสียหายตามขั้นตอนในโครงการ “MONEY CASH BACK” ไปแล้วหลายครั้ง รวมจำนวนเงินกว่า 236 ล้านบาท ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์สามารถติดตามเงินของผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงให้โอนเงินเพิ่มเติมได้อีก จำนวน 2 ราย มีรายละเอียดดังนี้
.
กรณีที่ 1 ผู้เสียหายเป็นชายรายหนึ่ง พบเพจ Facebook โฆษณาแจกชาฟรี ผู้เสียหายสนใจจึงได้ติดต่อไป จากนั้นมิจฉาชีพได้ชักชวนเข้ากลุ่มไลน์แล้วชักชวนให้ทำแคมเปญกิจกรรมโดยให้โอนเงินเพื่อรับผลตอบแทน แต่หลังจากผ็เสียหายโอนเงินไปแล้ว กลับไม่สามารถถอนเงินกลับออกมาได้ รวมความเสียหายทั้งหมด 291,720 บาท
.
จากกรณีดังกล่าว พ.ต.อ.สุบรรณ โชคพิมพา ผกก.กก.1 บก.สอท.4 ได้นำกำลังสืบสวนจนทราบว่า น.ส.มยุรี อายุ 47 ปี หนึ่งในเจ้าของบัญชีธนาคารที่ใช้กระทำความผิดซึ่งพักอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับจ้างจากกลุ่มคนร้ายเพื่อใช้บัญชีธนาคารตนเองรับโอนเงินจากผู้เสียหาย แล้วไปถอนเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเดินทางไปส่งหมายเรียกผู้ต้องหา ต่อมาเจ้าตัวได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา “เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
.
นอกจากนี้ พ.ต.ท.สุวิทยา มาประจักษ์ รอง ผกก.1 บก.สอท.4 ยังได้นำกำลังสืบสวนและตรวจสอบกล้องวงจรปิดในสถานที่ที่เกี่ยวข้องต่างๆ จนกระทั่งพิสูจน์ทราบกลุ่มคนร้ายที่ทำหน้าที่ควบคุมและขับรถพา น.ส.มยุรีฯ ไปกดเงินตามสถานที่ต่างๆ ได้ กระทั่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ นายคมปภพ อายุ 29 ปี และ น.ส.อัยช่า อายุ 21 ปี ผู้ทำหน้าที่ดังกล่าวได้ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.4 ได้ลงพื้นที่ติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้แล้ว เมื่อวันที่ 2 ก.ย.68 ที่ผ่านมา จับกุมตัวได้ในพื้นที่ ต.ท่าวังทอง อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลจับกุมไปยังผู้เกี่ยวข้อง
.
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถประสานธนาคารเพื่ออายัดเงินในบัญชีธนาคารของ น.ส.มยุรี ไว้ได้ ซึ่งผู้เสียหายได้โอนเข้าบัญชีดังกล่าวตามที่ถูกหลอกลวง จำนวน 1 ครั้ง เป็นเงิน 194,480 บาท ซึ่ง อายัดได้ทันจำนวน 194,480 บาท โดยผู้ต้องหาไม่โต้แย้งในกรรมสิทธิ์ และยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมอบเงินในบัญชีตามจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ผู้เสียหาย
.
กรณีที่ 2 ผู้เสียหายเป็นชายรายหนึ่ง พบโฆษณาชักชวนลงทุนใน Facebook แอบอ้างเป็นบริษัท “โอ้กะจู๋” ผู้เสียหายสนใจ คนร้ายจึงให้แอดไลน์แล้วชักชวนให้โอนเงินเพื่อลงทุนเทรดหุ้น โดยช่วงแรกได้เงินคืนจริง จากนั้นคนร้ายจึงโน้มน้าวให้โอนเงินเพิ่มเรื่อยๆ และอ้างว่าต้องเสียค่าภาษีและค่าใช้จ่ายอื่นๆก่อน สุดท้ายมารถถอนเงินคืนได้ รวมความเสียหายทั้งสิ้น จำนวน 1,248,505.40 บาท
.
จากกรณีดังกล่าว กก.1 บก.สอท.4 ได้รวบรวมพยานหลักฐานและสืบสวนติดตามผู้ต้องหาในขบวนการได้แล้วบางส่วน โดยดำเนินคดีในข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”
.
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถประสานงานธนาคารเพื่ออายัดเงินในบัญชีธนาคารของนายวัชรพงษ์ ฯ หนึ่งในผู้ต้องหาไว้ได้ ซึ่งผู้เสียหายได้โอนเข้าบัญชีดังกล่าวเพื่อลงทุนตามที่ถูกหลอกลวง จำนวน 1 ครั้ง เป็นเงิน 129,500 บาท ซึ่งภายหลังรับทราบข้อกล่าวหา นายวัชรพงษ์ ฯ ผู้ต้องหา ให้ถ้อยคำว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่อายัดไว้ ไม่โต้แย้งในกรรมสิทธิ์ และยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมอบเงินในบัญชีตามจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสามารถอายัดได้ทันทั้งหมด จำนวน 129,500 บาท
.
กรณีที่ 3 ผู้เสียหายเป็นชายรายหนึ่ง ได้ถูกคนร้ายสร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอมเพิ่มเพื่อนกับตนเอง คนร้ายใช้ภาพโปรไฟล์เป็นหญิงหน้าตาดีส่งข้อความแนะนำตัวเองว่าเป็นแม่หม้ายลูกติด ทำงานอยู่ที่สรรพสามิตจังหวัดเลย จากนั้นได้แอดไลน์และพูดคุยกันจนเกิดความสนิทสนมกัน
.
ต่อมาได้ชักชวนผู้เสียหายให้ลงทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ อ้างว่าว่าได้ผลตอบแทนสูงและตนเองก็ลงทุนอยู่ด้วย และจะเป็นผู้ที่ดูแลการลงทุนให้กับผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงให้แอดไลน์และเริ่มโอนเงินลงทุน โดยในการโอนเงินช่วงแรกๆ การลงทุนนจะได้รับผลตอบแทนตามที่คนร้ายกล่าวอ้างจริง แต่เมื่อลงทุนเป็นเงินจำนวนมากขึ้น กลับไม่ได้รับผลตอบแทนและไม่สามารถถอนเงินทุนออกมาได้ รวมความเสียหายทั้งสิ้น จำนวน 279,688 บาท
.
จากกรณีดังกล่าว กก.4 บก.สอท.4 ได้รวบรวมพยานหลักฐานและสืบสวนติดตามผู้ต้องหาในขบวนการได้แล้วบางส่วน โดยดำเนินคดีในข้อหา “”เป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดฐานฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้เจตนาใช้เพื่อตน หรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง”
.
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถประสานงานธนาคารเพื่ออายัดเงินในบัญชีธนาคารของนายนนทนันท์ ฯ หนึ่งในผู้ต้องหาไว้ได้ ซึ่งผู้เสียหายได้โอนเข้าบัญชีดังกล่าวเพื่อลงทุนตามที่ถูกหลอกลวง ซึ่งภายหลังรับทราบข้อกล่าวหา นายนนทนันท์ ฯ ผู้ต้องหา ให้ถ้อยคำว่า ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่อายัดไว้ ไม่โต้แย้งในกรรมสิทธิ์ และยินยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมอบเงินในบัญชีตามจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่ผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึง สามารถอายัดไว้ได้ จำนวน 100,188 บาท
.
โดยวันนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดติดตามคดี จึงได้ร่วมกันนำเงินจำนวน 324,168 บาท คืนให้แก่ผู้เสียหายทั้ง 3 ราย ตามโครงการ “MONEY Cash Back ปิดบัญชี ตามล่าม้า คว้าเงินคืน”