รวบกรรมการบริษัทค้าของเก่าออกใบกำกับภาษีปลอมกว่า 2,000 ฉบับ เสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด
เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.
ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2 บก.ปอศ. , พ.ต.ท.วันเผด็จ จันยะรมณ์ รอง ผกก.2 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.วรรณลพ รัตนวงษ์ สว.กก.2 บก.ปอศ., ร.ต.อ.ภานุวัฒน์ ฮงสูน รอง สว.กก.2 บก.ปอศ., ร.ต.อ.ธนาธิป รุ่งสว่าง รอง สว.กก.2 บก.ปอศ., ด.ต.เฉลิมพล ไข่ทอง ผบ.หมู่ กก.2 บก.ปอศ. และ ด.ต.อิทธิพล จันทร์มณี ผบ.หมู่ กก.2 บก.ปอศ. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่ 3 กก.2 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม นายวิโรจน์ฯ อายุ 58 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 704/2568 ลงวันที่ 13 สิงหาคม 2568
เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน “เป็นผู้ประกอบการโดยเจตนาออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิจะออกตามกฎหมาย” ตามมาตรา 86/13 อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4( 3) แห่งประมวลรัษฎากร
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านในพื้นที่ หมู่ 6 ตำบลทุ่งบัว อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณเดือน เมษายน พ.ศ. 2560 กองตรวจสอบภาษีกลาง ( ตส ) ตรวจพบว่า บริษัท โชค กฤติมา ทรัพย์ จำกัด ประกอบกิจการซื้อขายของเก่า มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เมื่อ 22 กันยายน 2557 ที่ตั้งสำนักงานในพื้นที่ หมู่ที่ 9 ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยมี นายวิโรจน์ฯ ผู้ต้องหา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญบริษัทฯ ผูกพันบริษัท ได้มีการออกใบกำกับภาษีปลอม ให้กับนิติบุคคล 7 ราย
ซึ่งจากการออกตรวจปฏิบัติการของเจ้าพนักงานประเมิน กรมสรรพากร พบว่าสถานที่ตั้งบริษัทดังกล่าว เป็นโกดังที่มีบริษัทอื่นเช่าทำการอยู่ สอบถามผู้เช่าแจ้งว่าก่อนที่ตนจะมาเช่า ไม่พบผู้ใดเช่าประกอบกิจการมาก่อน มีลักษณะเป็นโกดังว่างเปล่า เจ้าพนักงานกองตรวจสอบภาษีกลาง จึงเชื่อว่า บ.โชค กฤติมา ทรัพย์ จำกัด ไม่มีการประกอบกิจการและไม่เคยเข้าใช้สถานประกอบการดังกล่าว
ต่อมาเจ้าพนักงานฯ ได้ทำหนังสือเชิญ กรรมการผู้จัดการบริษัทฯมาพบและส่งมอบเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ด้านซื้อ-ขาย สำหรับเดือนภาษีมกราคม 2558 ถึงเดือนภาษีมีนาคม 2560 แต่ไม่มีผู้ใดมาพบเจ้าพนักงานฯหรือแจ้งเหตุขัดข้องแต่อย่างใด เชื่อว่าไม่มีการประกอบกิจการกันจริง แต่มีการออกใบกำกับภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายให้กับนิติบุคคลอื่น โดยไม่มีการซื้อขายกันจริง ประเภทความผิดชัดเจน “ไม่ต้องสอบยัน” ตรวจพบว่าบริษัทโชค กฤติมา ทรัพย์ จำกัด ได้มีการออกใบกำกับภาษีขายให้กับบริษัทอื่น
ซึ่งเป็นการออกโดยไม่มีสิทธิ จำนวน 2,415 ฉบับ ซึ่งมีมูลค่าสินค้าจำนวน 1,848,045,719.53 บาท ซึ่งเจ้าพนักงานได้ประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมเบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม ตามกฎหมายประมวลรรัษฎากร ได้เป็นจำนวนเงิน 1,062,141,501.26 บาท และได้ปิดหนังสือ แจ้งการประเมินให้บริษัทโชค กฤติมา ทรัพย์ จำกัด ณ สถานประกอบการของบริษัท แต่บริษัทฯ มิได้อุทธรณ์คัดค้านการประเมินต่อคณะกรรมการการพิจารณาอุทรธ์ และมิได้ชำระภาษีอากรให้เสร็จสิ้น
จึงเชื่อว่าบริษัทโชค กฤติมา ทรัพย์ จำกัด มีเจตนาออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิ ที่จะออกตามกฎหมาย
เจ้าพนักงานกองสืบสวนและคดี กรมสรรพากรจึง ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 2 กองบังการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อดำเนินคดีกับนายวิโรจน์ฯ กรรมการผู้มีอำนาจของ บริษัทโชค กฤติมา ทรัพย์ จำกัด ตามกฎหมาย
พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 2 กองบังการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้รวบรวมหลักฐานที่ทางสรรพากรเข้ามาร้องทุกข์ และทำการขอหมายจับต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ ให้ติดตามจับกุมตัว นายวิโรจน์ฯ ผู้ต้องหา มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาชุดสืบสวนกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้ติดตามตัวผู้ต้องหา และสามารถจับกุมตัวนายวิโรจน์ฯ ตามหมายจับดังกล่าวได้ที่บ้านพักที่ จังหวัดนครปฐม จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ดำเนินการตามมาตรการเชิงรุกป้องกันปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิด จึงขอประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือน บริษัทห้างร้านหรือผู้ประกอบธุรกิจต่างๆให้ใช้เอกสารที่ถูกต้องในการยื่นภาษี การออกเอกสารใบกำกับภาษีเพื่อนำไปใช้ในการเครดิตภาษี จะต้องมีการซื้อขายกันจริงเท่านั้น มิฉะนั้นอาจถูกดำเนินคดีอาญาได้
การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด
ดังนั้นสำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน
ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”
