ตำรวจสอบสวนกลางสนธิกำลังหลายหน่วยงาน เปิดยุทธการกวาดล้างพระสงฆ์กระทำผิดทั่วประเทศ ย้ำดำเนินการอย่างโปร่งใส คืนความเชื่อมั่นให้ประชาชน
วันนี้ (5 ส.ค.) ที่ศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา ของตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) พร้อมด้วย กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลการเปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ที่ลุยค้น 200 จุด ทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมายกว่า 180 เป้าหมาย
พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า การดำเนินการนี้ เป็นการดำเนินการภายใต้นโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม และเรียกคืนความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของประชาชนให้กลับขึ้นมาอีกครั้ง โดยมีกองบัญชาการสอบสวนกลาง เป็นเจ้าภาพหลัก ในการดำเนินการจัดการ ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยล่าสุดสามารถตรวจค้นเป้าหมายกับพระภิกษุสงฆ์ที่มีหมายจับอยู่แล้ว ได้ 154 เป้าหมาย และมีพระภิกษุสงฆ์บางส่วนที่ได้ลาสิขาไปแล้วที่ 27 เป้าหมาย ซึ่งขณะนี้สามารถจับกุมพระภิกษุสงฆ์ได้แล้ว 136 ราย ซึ่งทั้งหมดให้การสารภาพเนื่องจากมีหมายจับจริง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินการทำไปอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมา
ขณะนี้ก็ยังพบว่ามีพระภิกษุสงฆ์บางรูปที่ยังไม่ยอมลาสิขา ครองผ้าเหลืองให้เป็นเครื่องมือในการปกป้องตัวเอง แต่สามารถดำเนินการตามกฎระเบียบมหาเถรมหาสมาคม ที่ได้มีการแก้ไขให้การลาสิขาพระที่ทำผิดพระธรรมวินัย ที่ปกติต้องใช้ระยะเวลานาน จาก 3 ปี ให้สามารถดำเนินการได้เพียงใน 10 วัน ซึ่งวันนี้จะดำเนินการลาสิกขาพระที่ทำผิดกฏหมายให้หมด เพื่อจะให้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป
ขณะที่ภารกิจหลังจากวันนี้ก็ยังมีอย่างต่อเนื่อง และจะมีการประชุมหารือในระดับนโยบาย โดยวันนี้เราจะจัดทำข้อมูลวัดและพระภิกษุสงฆ์ รวมทั้งสิ่งต่างๆที่อยู่ในวัด ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิต่างๆ ที่แอบแฝงแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีวัดใหญ่ในจังหวัดพิจิตรที่มีปัญหาสะสมมานาน แก้ไขไม่ได้สักที แต่รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็ได้ลงไปดำเนินแก้ไขเรียบร้อยแล้วประชาชนในพื้นที่ก็ชื่นชม ยืนยันว่าเราจะกวาดล้างพระที่ทำผิดทั้งหมด
นอกจากนี้คนร้ายที่อาศัยผ้าเหลืองหนีออกนอกประเทศ ไม่ว่าจะหนีไปประเทศไหน ก็จะมี ปปง. สามารถตามไปดำเนินการได้หมด เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีได้
ส่วนพระภิกษุสงฆ์ทำความผิดที่จับกุมพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นกรณีที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดแล้วหลบหนีมาบวชโดยอาศัยผ้าเหลืองเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนจะมีพระชั้นผู้ใหญ่หรือไม่ ยืนยันว่าหากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการทั้งหมด และการจับกุมพร้อมกันทั่วประเทศในวันนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธวิธีในการทำงานของตำรวจ และป้องกันการหลบหนีของเป้าหมาย
ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บอกว่า เรามีข้อมูลที่สามารถตรวจสอบความเชื่อมโยงต่างๆที่ทำให้เห็นว่า แม้ว่ามีคนไปแอบแฝงอยู่ในคราบผ้าเหลือง เราก็สามารถกวาดล้างคนพวกนี้ได้ สำหรับข้อมูลมีได้มาจากทั้งของศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งจะนำมาวิเคราะห์ ก่อนเพราะยังไม่ปักใจเชื่อ โดยจะมีวิธีการตรวจสอบอย่างเป็นธรรมและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ขณะที่เป้าหมายของการจับกุมในวันนี้ บางส่วนจะนำเข้ามาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแต่บางส่วนก็ส่งให้พื้นที่รับผิดชอบตามหมายจับดำเนินคดี และส่วนใหญ่เป็นหมายค้างเก่าที่มีอยู่แล้ว ซึ่งการรวบรวมข้อมูลนั้นได้มีการรวบรวมมาตั้งแต่ตั้งศูนย์ดังกล่าวแล้วโดยทำงานร่วมกันจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และประชาชน รวมทั้งข้อมูลที่มีอยู่ในระบบของสอบสวนกลางอยู่แล้ว
ด้าน นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยถึงรายละเอียดของการนำข้อมูลมามอบให้กับตำรวจว่า หากเป็นข้อมูลที่มีความผิดทางบ้านเมืองก็นำมาให้ตำรวจดำเนินการได้ แต่บางเรื่องเป็นความผิดทางวินัยจะต้องดำเนินการตามวินัย เพื่อนำข้อมูลมารวบรวมให้เป็นเอกภาพ
ส่วนที่ก่อนหน้านี้สำนักพุทธฯ ถูกครหาว่าไม่ให้ความร่วมมือและปกปิดข้อมูลไว้ จะถือว่าครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นให้ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องหรือไม่ นายบุญเชิด บอกว่า พร้อมให้ความร่วมมือ ร้อยเปอร์เซ็น หลังจากนี้หากตำรวจต้องการข้อมูลอะไรก็จะส่งให้ทั้งหมด
ขณะที่ พล.ต.อ.ไกรบุญ ยังบอกเสริมอีกว่า วันนี้ ทุกหน่วยงาน จะเดินหน้าไปด้วยกัน นอกจากนี้ได้มีการทำข้อตกลงร่วมกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หากพบว่ามีพระสงฆ์ในหนึ่งจังหวัด ทำผิดเกิน 3 รูป จะต้องให้ผู้อำนวยการสำนักพุทธฯในจังหวัดนั้นต้องย้าย ใช้มาตรการเดียวกันกับตำรวจ ส่วนจะเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูหรือไม่นั้น ยืนยันว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ทำเพื่อให้ พุทธศาสนิกชนที่เข้าไปกราบไหว้พิจารณาในการถวายเงินและทำบุญต่างๆ
