พระพยอม กลฺยาโณ เจ้าอาวาส วัดสวนแก้ว ไม่หวั่นแม้เศรษฐกิจจะย่ำแย่ นำสิ่งของที่ประชาชนมาบรืจากให้ทางวัดนำมาซ้อมแซมขายในในราคาถูกเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 24 ส.ค.65 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามพระพยอม กลฺยาโณ เจ้าอาวาส วัดสวนแก้ว ถึงการจัดสรรงบประมานของวัด และการกระตุ้นเศรษฐกิจว่ามีแนวทางและการแก้ไขยังไง ของที่ประชาชนนนำมาบริจากมีการจัดสรรซ้อมแซมและนำไปขายในราคาที่ถูกยังไงบ้าง
พระพยอม กลฺยาโณ เจ้าอาวาส วัดสวนแก้ว เล่าว่า วัดสวนแก้วมีทั้งหมด 11 สาขา มีคนงานภายในวัด 2000 คน การที่ของที่ประชาชนนำมาบริจากแล้วเอาไปซ่อมแซมใหม่ ให้หน้าซื้อหน้าเอาไปใช้ได้ เวลาคนที่เข้ามาซื้อไม่มีของก็มาหาซื้อได้มาจับจ่ายได้ในราคาที่ถูก ตอนที่เริ่มทำแรกๆก็ไม่ได้คิดที่จะนำมาขายเพื่ิคนจนมาเอา แต่ดันเกิดการแย่งกัน แล้วก็มีการซื้อเอาไปขาย ก็เลยคิดว่า เราเลี้ยงคนชรา เลี้ยงคนพิการ เลี้ยงเด็กกำพล้า เลี้ยงคนตกงาน เลี้ยงหมาแมวอีกประมาน 700-800 ตัว ใช้จ่ายเดือนล่ะ 200,000 บาท คิดว่าควรหน้าจะเปลี่ยนใหม่ก็เลยนำของออกมาขายถูกๆ บางทีประชาชนที่นำเสื้อผ้ามาบริจากก็เป็นเสื้อผ้ามือ1 นะเป็นเสื้อผ้ายังไม่ได้ใช้หรือใส่เลย ก็เอามาขาย ตัวล่ะ 5 – 10 บาท ตอนที่เริ่มแรกๆ ก็ไม่ได้ขายอย่างเดียว ถ้าคนไม่มีตังก็มาเลย มาทำงานแลกของไม่ต้องเสียตังสักบาท รายได้ที่ได้มาในแต่ล่ะเดือนก็ไม่พอ ไหนจะทำบ้านให้คนไร้บ้านอยู่ ของที่ได้เอามาขายก็มี ผลไม้ ผัก ที่ทางวัดได้ปลุก ตู้ เฟอนิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าของใช้ทั่วไปภายในบ้านต่างๆ ที่ประชาชนได้นำมาบริจากได้นำมาซ้อมแซมและเอามาขายในราคาที่ถูก ส่วนประชาชนบางทีไม่มีที่ขายก็สามารถนำมาขายภายในวัดได้ ก็ประมาน บ้านช่วยวัด วัดช่วยบ้าน เดือนๆนึ่งทางวัดขายของได้ ประมาน 13-16 ล้านบาทเป็นบางเดือน รวมทั้งหมด 11 สาขา ที่ได้ส่งของมาขายที่วัดสวนแก้ว ทางวัดก็มีค่าใช้จ่าย เช่นจ่ายค่าแรงพนักงาน 2000 คน เดือนล่ะ 6 ล้านกว่าบาท ค่าน้ำ-ค่าไฟ เดือนล่ะ 120,000 บาท ค่าที่ดินที่ทางวัดได้ซื้อต้องจ่ายทุกๆ 3 เดือน และสนับสนุนเด็กๆที่ยากจนที่มาช่วยวัดทำงานและให้ทุนการศึกษาเด็กๆเล่านั้นไป ทางวัดได้จัดตั้งวัดสหกรณ์ วัดสวัสดิการขายของให้พนักงานถูกๆที่ทางวัดประสบความสำเร็จแล้ว พระพยอมได้กล่าวอีกว่า ตามหลักคำสอนของ ร.9 คำว่าพอเพียงไม่ได้มานั่งขี้เกียจ เช่นเรามีไฟฟ้าใช้ ร.9 บอกว่าต้องพอเพียงนะ เตรียมเทียน เตรียมไฟฉาย น้ำมันก๊าซ ตระเกียง ไฟเช็ค ไว้เพื่อเวลาไฟฟ้าดับจะได้เอาออกมาใช้ทันทีเนี่ยแหละคำว่าพอเพียง
ทางผู้สื่อข่าวได้เดินไปสัมภาษณ์ประชาชนที่เข้ามาซื้อของภายในวัดว่ามีความรู้สึกยังไงที่วัดได้ทำการนำของที่ประชาชนมาบริจากแล้วนำไปซ้อมแซมเอามาขายในราคาถูก
น.ส. สะเหลา สุวรรณภัคดี อายุ 45ปี อาชีพ บริบาลดูแลผู้ป่วย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีมากๆ เด็กก็จะได้มีรายได้ มีงานทำ เด็กจากมูลนิธิต่างๆไม่มีงานทำมาที่วัดหลวงพ่อก็จะรับมาทำงาน เหมือนกับสร้างอาชีพให้เด็กๆได้มีโอกาสที่ได้ทำงาน ส่วนราคาก็เป็นราคาที่จับต้องได้ ไม่แพงจนเกินไปของที่เอามาขายก็เป็นของใหม่ ตนได้ซื้อกระเป๋าและเกียงในราคาที่ขายถูกกว่สข้างนอกและยังได้ช่วยวัดอีกด้วย
นาย สายัณห์ สันทัด อายุ 69 ปี อาชีพ ข้าราชการบำนาน กล่าวว่า รู้สึกดีใจ หลวงพ่อพระพยอมทานต้องการอยู่เพียง3-4ประเด็น ประเด็นที่ 1.คือช่วยเหลือคนยากคนจนคนที่สิ้นไร้ไม้ตอกคนที่เดือดร้อนไม่มีงานทำ 2.ช่วยกันเอาขยะจากบ้านที่ไม่ได้ใช้เอามารวมกันที่วัด แล้วคนที่มาซื้อเค้าก็ไม่ได้อยากได้ของแต่เค้าอยากทำบุญเค้าก็จะมาซื้อของส่วนนี้ไปแม้จะเล็กๆน้อยๆ อย่างตนก็มาซื้อของเพื่อเอาไปเป็นอะไหล่ซ้อมแซมอุปกรณ์ที่พัง อย่างเช่นจานเราจะซื้อไปให้น้องหมาเราก็มาหาเลือกดูจะได้ไม่ต้องใช้จานที่บ้าน ราคาก็จะถูกกว่าร้านข้างนอกไม่มากก็น้อย ตนก็ได้ทั้งของและได้ทำบุญด้วย หลวงพ่อท่านสอนให้เลิกระอบายมุข ถ้ามาสูบบุหรี่ หรือ ขี้เกียจก็ไม่เอา ต้องขยัน มาทำงาน แล้วก็ช่วยให้โอกาสคนที่มีความสามารถในด้วยซ้อมแซมได้มีงานทำอีกถือว่าเป็นกุศโลบายที่ดี