นนทบุรี สำนักพุทธลงพื้นที่ตรวจสอบวัดดัง หลังอดีตเจ้าอาวาสแอบเอาที่ดินวัดไปจำนองก่อนหลุด ซื้อคืนราคาขึ้น 30 ล้าน
วันที่ 16 ก.ค. 68 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณวัดบางแพรก ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านเกี่ยวกับเรื่องที่ดินของวัด ขนาดเนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 27 ตารางวา ถูกอดีตเจ้าอาวาสนำโฉนดที่ดินของวัด ไปจำนองกับนายทุน ก่อนหลุดจำนอง และที่ดินดังกล่าวได้ตกเป็นของนายทุนรายนี้ไป ซึ่งหลังเกิดเรื่องอดีตเจ้าอาวาสได้ชิงลาออกจากวัด เนื่องจากไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนที่ดินดังกล่าวกลับมาคืนให้วัดได้ ซึ่งปัจจุบันทางวัดได้พยายามเจรจาติดต่อขอซื้อคืน ในราคา 5 ล้านบาท แต่กลับถูกนายทุนเจ้าของที่ดินปฏิเสธอ้างว่าเป็นเรื่องของธุรกิจและจะขายคืนให้วัดในราคาปัจจุบันคือ 30 ล้านบาท
นายสัมฤทธิ์ โพธิ์จันทร์ หรือลุงอู๊ด มัคนายกวัดบางแพรก กล่าวว่า อดีตเจ้าอาวาสนำเงินของวัดไปซื้อที่ดินดังกล่าวซึ่งเป็นที่ดินตาบอดติดอยู่กับท้ายวัดเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคต ราคา 5 ล้านบาท แต่ไม่รู้ว่าเกิดปัญหาใด จึงนำไปจำนอง เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่กว่า ก่อนหน้าตนไม่รู้เรื่องนึกว่าที่ดินยังเป็นของวัดอยู่ จนกระทั่งวันที่ปิดป้ายประกาศขาย ตนจึงเข้าไปสอบถามกับอดีตเจ้าอาวาสว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า “อาตมาเสียใจ อาตมาบริหารผิดพลาดไปแล้ว” หลังจากนั้นมาออกข่าวหลายช่องจนมีคดีความ คณะสงฆ์เห็นว่าไม่ดี อดีตเจ้าอาวาสจึงขอลาออก และได้มีการแต่งตั้งเจ้าอาวาสรูปใหม่ รูปปัจจุบัน ได้ประมาณ 3 เดือน
ตอนนี้เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันได้ใช้หนี้ใช้สินให้กับทางวัด แต่ค่าใช้จ่ายเยอะมาก อดีตเจ้าอาวาสก็ไม่ได้บอกไว้ว่านำเงินที่เอาที่ดินดังกล่าวไปทำอะไรบ้าง ทางวัดได้พยายามเจรจาติดต่อขอซื้อที่ดินคืน ในราคา 5 ล้านบาท แต่กลับถูกนายทุนเจ้าของที่ดินปฏิเสธอ้างว่าเป็นเรื่องของธุรกิจและจะขายคืนให้วัดในราคาปัจจุบันคือ 30 ล้านบาท ซึ่งทางวัดไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น วัดเราเป็นวัดเล็กๆ ทุกวันนี้มีคนเข้ามาทำบุญก็เป็นรายได้ สำหรับไว้จ่ายค่าไฟ ค่าน้ำประปา ตนรู้สึกเสียดาย หากมีเงินคงจะซื้อไว้ อยากให้วัดมีพื้นที่สำหรับจัดงานต่างๆ เพราะพื้นที่เดิมน้อยมาก และที่ดินปัจจุบันเป็นที่ดินตาบอดต้องเข้า-ออกผ่านวัด ส่วนเรื่องชื่อในโฉนดที่ดิน เมื่อก่อนตนเป็นคนตัวเล็กเลยไม่กล้าไปแย้งอะไรมาก แต่เคยสอบถามไปหลายครั้งว่าทำไมที่ดินวัดถึงเป็นชื่อของอดีตเจ้าอาวาส ถามถึงโฉนดก็ไม่ได้คำตอบจึงปล่อยล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน
พระมหาณัฐวุฒิ กล.ยาณเมธี เจ้าอาวาสวัดบางแพรก รูปปัจจุบัน กล่าวว่า ปัญหานี้มีมาตั้งแต่ปี 2551 อาตมาก็ยังไม่ได้มาอยู่ที่นี่ เท่าที่ทราบเมื่อปี 2561 มีสำนักพุทธเข้ามาตรวจสอบ ทางคณะสงฆ์จึงได้สอบสวนอดีตเจ้าอาวาสไป คร่าวๆคือให้ท่านหยุดบริหารและแก้ปัญหาไป เพราะท่านบอกว่าเอาเงินมาบริหารวัด ตอนนี้คิดแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ได้ที่ดินคืนมา วัดเองก็อยากได้คืน จึงมีการพูดคุยและให้กรรมการวัดไปเจรจาเพื่อความเป็นธรรม ซึ่งจำนองไว้ราคา 5 ล้านบาท แต่เจ้าของที่ดินเขาไม่ได้ต้องการจะขายคืนราคาเดิม แต่จะเพิ่มเป็นไร่ละ 10 กว่าล้านบาท เท่ากับราคาที่ดินรวมแล้วมีราคาสูงถึง 30 กว่าล้านบาท เป็นราคาที่สูงมาก
อดีตเจ้าอาวาสพยายามทำทุกวิถีทาง โดยมีการทำหนังสือยื่นไปที่สำนักงานพุทธจังหวัดนนทบุรี ว่ากำลังรวบรวมเงินและอยู่ในขั้นตอนการเจรจา แต่ไม่ทราบว่าข่าวออกไปได้อย่างไร วัดของเราเป็นวัดเล็กๆ การที่จะหาเงินมาให้ครบ 30 ล้านบาทยากมาก ลำพังค่าไฟ ค่าน้ำประปา แต่ละเดือนยังลำบาก แต่ก็ไม่ได้คิดจะทิ้งไป เคยเข้าไปเจรจากับเจ้าของที่ดินอีกครั้ง แต่เขาแจ้งว่าเป็นเรื่องของธุรกิจ เขาไม่ได้เดือดร้อน หากไม่ได้ที่ดินคืนและในอนาคตมีการมาขอใช้ทางเข้า-ออกวัด ก็คงต้องรอพัฒนาทำประตูเปิด-ปิดให้เป็นเวลาก่อน
ปัจจุบันวัดพัฒนาขึ้นเยอะ ตนเองก็ไม่รู้ พยายามแก้ไขปัจจุบันให้ดี มีญาติโยมติดต่อมาต้องการจะช่วยทางวัด แต่ราคาที่ดินสูงเกิน คิดว่าควรเอาเงิน 30 ล้านบาทมาพัฒนาวัดก่อนจะดีกว่า หากต้องยืมไปเรื่อยๆเพื่อไปซื้อที่ดินคืนแล้วเมื่อไหร่จะได้พัฒนาวัด วันนี้มีคนโทรหาอาตมาเยอะมาก ถามเรื่องข่าวที่ออกไปว่าเรื่องที่ดินวัดนี้มันจบไปนานแล้ว อาตมาก็อยากจะจะถามชาวบ้านที่ไปให้ข่าว ว่ามีเหตุผลอันใดเพราะวัดเสียหาย หรือต้องการดิสเครดิตวัด หากต้องการช่วยทางวัดจริง มาช่วยทอดผ้าป่าหาระดมทุนเพื่อพัฒนาวัดจะดีกว่า
ด้าน นายวุฒิวิวัฒน์ ศุภนิมิตวงศ์ นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ สำนักพุทธจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับมอบหมายจากสำนักพุทธมาลงพื้นที่มาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นเอกสารบ่งชี้ว่าโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นชื่อของใคร เพราะที่ดินวัดไม่สามารถโอนกรรมสิทธิให้บุคคลทั่วไปได้เลย ตนจะรับเรื่องและทางสำนักพุทธต้องตรวจสอบเอกสารดูเนื้อที่ว่ามีที่ดินกี่แปลง หลักฐานการซื้อที่ดินเป็นส่วนตัวหรือของวัด ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานกว่า 10 ปี หากที่ดินเป็นของวัด จะไม่ตกอยู่ในการบังคับคดีตามมาตรา 35 ของพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ตอนนี้ตนอยากทราบว่าทางผู้ร้องเรียนต้องการอะไร อยากให้ทางอดีตเจ้าวาสมารับผิดชอบ หรือต้องการหาแนวทางให้ทางวัดเรี่ยไรเงินเพื่อซื้อที่ดินคืน และทางเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ต้องการฟ้องร้องเจ้าอาวาสรูปเดิมหรือไม่ และฟ้องร้องให้ที่ดินกลับมาเป็นของวัด ซึ่งวันนี้อาจจะยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากเอกสารผ่านมาเป็นระยะเวลา 10 ปี ต่างฝ่ายต่างไม่ได้มีเอกสารครอบครอง ซึ่งคณะสงฆ์อยู่ระหว่างประสานกับเจ้าคณะปกครองเพื่อสืบค้นเอกสารต่อไป
