รวบหลานสาวโหด ร่วมกันฆ่าน้าสาวฝังดิน ปมมรดกเลือดแบ่งที่ไม่ลงตัว
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน
รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป.
พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.สุขสิทธิ์ ประเสริฐ สว.กก.5 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 2 กก.5 บก.ป.
ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.วราภรณ์ฯ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ จ.52/2 /2552 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย กระทำการใดแก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมบริเวณที่พบศพ ในประการที่น่าจะทำให้ผลการชันสูตรหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าห้องเช่าไม่ทราบเลขที่ หมู่ 7 ต.ดอนตูม จว.นครปฐม
ด้วยเวลา 16.30 น. วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2552 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต อ.เมือง จ.ปทุมธานี รับแจ้งจากนายสมเชาว์ฯ ว่าภรรยาคือ นางบุญทิ้งฯ อายุ 50 ปี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และสงสัยว่าอาจถูกฆาตกรรม
โดยญาติภายในบ้านพักแห่งหนึ่ง ซอยวัดบางกุฎีทอง หมู่ 2 ต.บางกระดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทีมแพทย์เวรจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ยกพื้นสูง ตั้งอยู่กลางทุ่งนา ขณะเดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นกองดินลักษณะใหม่ มีแมลงวันตอมเป็นจำนวนมาก ห่างจาก
ตัวบ้านประมาณ 50 เมตร จึงลงมือขุดลึกลงไปราว 5 เมตร พบถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่ ภายในบรรจุร่างของนางบุญทิ้งฯ สภาพศพเน่าเปื่อย ศีรษะแตกจากการถูกของแข็งทุบ ข้อมือและลำคอถูกมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา จากการสืบสวนพบผู้ก่อเหตุคือ นางวิสัยฯ น้องสาวผู้ตาย และ นางสาววราภรณ์ฯ หลานสาว ซึ่งได้ร่วมกันก่อเหตุและอำพรางศพ ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนางวิสัยฯ ได้ทันทีหลังเกิดเหตุ แต่ น.ส.วราภรณ์ฯ ได้หลบหนีไปนานถึง 16 ปี กระทั่งถูกจับกุมตัวได้ในวันนี้
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น จากคำให้การของ น.ส.วราภรณ์ฯ ให้การภาคเสธ โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการฆาตกรรมน้าสาว เพียงเข้าไปช่วยมารดาในช่วงที่ทะเลาะกัน โดยระบุว่า ก่อนเกิดเหตุ มารดาของตน มีปากเสียงกับนางบุญทิ้งฯ
เรื่องแบ่งมรดกที่ดินของตายาย ตนเห็นมารดาถูกผลักจึงเข้าช่วย โดยกระชากผมและตบหน้านางบุญทิ้งฯ หลายครั้ง จากนั้น นางวิสัยฯ น้าสาวอีกคนซึ่งเป็นน้องสาวนางบุญทิ้งฯ ได้ใช้ไม้หน้าสามตีเข้าที่ศีรษะนางบุญทิ้งฯ ผู้ตายหลายครั้งจนแน่นิ่งไป ตนตกใจกลัวจึงรีบหลบหนี และไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ฝังศพ ภายหลังทราบว่าตนถูกออกหมายจับในคดีฆาตกรรมดังกล่าว จึงได้หลบหนีไปทำงานในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
โดยเปลี่ยนที่อยู่เป็นระยะๆ จนคิดว่าคดีเงียบไป จึงกลับมาพักอาศัยอยู่ที่ จ.นครปฐม กับบุตร ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ในที่สุด
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัยสังคม การใช้ความรุนแรงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง หากพลาดพลั้งบาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีโทษทั้งจำคุกและปรับ










