รวบหนุ่มเดือด! ถูกหาว่าค้ายา
โมโหชัก 11 มม. ยิงหัวคู่อริ 6 นัดดับ
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้
การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก.,
พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น
รอง ผบก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร, พ.ต.ท.มนต์ชัย
เพ็งเลิศ, พ.ต.ท.พงศกร ต้นอารีย์, พ.ต.ท.สิทธิพร มีอาษา, พ.ต.ท.ปรัชญ์ แม้นเดช รอง ผกก.2 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.หญิง นฤมล กัวซือกุ สว.กก.๒ บก.ป., ว่าที่ พ.ต.ต.สหรัฐ ยิ่งยวด สว.กก.2 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป.
ร่วมกันจับกุม นายอานัสฯ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนราธิวาส ที่ 1011/2566
ลงวันที่ 7 ธ.ค.2566 โดยเจตนา” เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับเป็นความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา” ข้อมูลหมายจับ ประกาศสืบจับและอัตราเงินสินบนของ ตร.ประจำปี พ.ศ.2568 ผู้ต้องหาลำดับที่ 203
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าคอนโดแห่งหนึ่ง ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
เกิดเหตุสะเทือนขวัญในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อนายอานัสฯ ผู้ก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 11 มม. ยิงใส่ศีรษะนายมะฯ จำนวน 6 นัด ขณะนั่งดื่มน้ำชาอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่งใน อ.ระแงะ จ.นราธิวาส สาเหตุ
ของเหตุการณ์มาจากการที่นายมะฯ (ผู้เสียชีวิต) กล่าวหาว่าผู้ก่อเหตุมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด
ทำให้นายอานัสฯ เกิดความโกรธแค้นจนขาดสติ ชักอาวุธยิงอย่างโหดเหี้ยมจนเสียชีวิตทันที หลังจากก่อเหตุ
นายอานัสได้หลบหนีข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซีย พร้อมขายอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุให้กับบุคคลในพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนจะพำนักอยู่ที่นั่นเป็นเวลาประมาณ 7 เดือน อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวไม่สามารถหลบซ่อนความวุ่นวายได้ตลอดไป เพราะมีเหตุทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นในมาเลเซีย จึงตัดสินใจลักลอบกลับเข้ามาประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติ
เจ้าหน้าที่ติดตามสืบสวนกระทั่งทราบว่า นายอานัสฯ หนีมาหลบอยู่ในคอนโดมิเนียมย่านคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่เข้าจับกุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพ
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน
ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด