ตำรวจไซเบอร์หารือร่วมกับ ปปง. เตรียมลุยยึดทรัพย์เครือก๊กอานกว่า 1 พันล้านบาท เอี่ยวขบวนการคอลเซ็นเตอร์ พร้อมเร่งทำสำนวนส่งอัยการและเตรียมประสานขอออกหมายแดง
เมื่อเวลา 15.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ประชุมร่วมกับ นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผู้อำนวยการกองกฎหมาย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ถึงรายละเอียดเส้นทางการเงินของก๊กอาน เจ้าของภูริกาสิโน และ 25 ชั้น ในปอยเปต และเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยใช้เวลาประชุมร่วมกันนานเกือบ 2 ชั่วโมง ก่อนลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยระบุว่าการประชุมวันนี้ได้ประชุมร่วมกับ ผอ.กองกฎหมาย ปปง. เนื่องจากพบว่าก๊กอาน มีความเชื่อมโยงกับคดีของนางสาวชาลอต นางแบบชื่อดัง และยังพบคดีอื่น ๆ อีก 3 คดี ที่มีความเชื่อมโยงกัน จึงเป็นหลักฐานให้นำมาสู่การออกหมายจับในประเทศไทย ในข้อหาเป็นผู้มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานประกอบในสำนวน หากเสร็จสิ้นแล้วจะส่งให้พนักงานอัยการพิจารณา เมื่อพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องต่อศาลแล้ว จึงจะสามารถประสานกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยื่นเรื่องให้องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรืออินเตอร์โพล ออกหมายแดง ต่อไป
ส่วนการประชุมร่วมกับ ปปง.ในวันนี้ ได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เกี่ยวกับเส้นทางการเงินของนายก๊กอาน ในอดีต ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงบุคคลในประเทศไทยหรือกัมพูชาหรือไม่ ประเด็นนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยเชื่อว่านายก๊กอานได้ถือครองทรัพย์สิน และอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย และต่างประเทศอีกจำนวนมาก ซึ่งหากเป็นประเทศที่อยู่ในความร่วมมือของอินเตอร์โพลก็มีแนวโน้มที่จะขอความร่วมมือในการตรวจสอบและอายัดทรัพย์สิน ส่วนจะมีคนไทยหรือใครที่รับผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังก็ต้องขยายผลเพิ่มเติม
ด้าน นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผอ.กองกฎหมาย ปปง. เปิดเผยว่าหลังมีการตั้งพนักงานสืบสวน จากการตรวจสอบทรัพย์สินและการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของนายก๊กอาน พบว่ามีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านบาท และยังเชื่อว่ามีทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ยังต้องสืบทรัพย์อีกจำนวนมาก รวมถึงทรัพย์สินที่เป็นสกุลเงินดิจิทัล และทรัพย์สินที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่ง ปปง. ก็มีอำนาจในการตรวจสอบและอายัดทรัพย์สินส่วนนี้มาขายทอดตลาดและคืนทรัพย์สินให้ผู้เสียหาย
ส่วนกรณีของนางสาวจุรี หรือเชอร์รี่ ที่มีกระแสข่าวว่าเป็นลูกสาวของนายก๊กอาน และมีข้อมูลว่าสวมสิทธิ์บัตรประชาชนคนไทย จากข้อมูลของตำรวจยังขัดแย้งกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ซึ่งต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสืบค้นข้อมูลว่าคนไทยที่ถูกสวมสิทธิ์ยังมีตัวตนอยู่หรือไม่ หรือเป็นการปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ขึ้นมา
อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้ พลตำรวจเอกธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ จะมีการแถลงสรุปผลการตรวจค้น 20 จุด และรายละเอียดในคดี ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงบ่าย