ปทุมธานี แม่วัย 19 ปี ร้อง “ปวีณา” ปวดท้องคลอดลูกไปรพ.น้ำคร่ำแตกก่อนคลอดลูกออกมาแต่พยาบาลให้รอจนลูกเสียชีวิต เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 มิถุนายน 2568 ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี คลองเจ็ด ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางอรุณี อินทวงค์ อายุ 43 ปี แม่พาลูกสาวนางสาวจามรี อินทวงค์ อายุ 19 ปี เดินทางมาจังหวัดนครปฐม เข้าร้องทุกข์ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ว่าหลังจากที่ปวดท้องจะคลอดลูก แต่รอนานจนเด็กคลอดออกมาแล้วเสียชีวิต จึงอยากให้ทางมูลนิธิฯ ช่วยเหลือและตรวจสอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวของตนเองและลูกด้วย นางสาวจามรี เล่าว่า ตนเป็นพนักงานบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง ได้ค่าแรงวันละ 339 บาท ใช้สิทธิประกันสังคมในการรักษา ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ตนได้ไปฝากท้องที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่ 1 และไปตามนัดของแพทย์ทุกครั้งจนท้องเข้าเดือนที่ 9 เดือนมิ.ย.68 ไปพบแพทย์วันที่ 4 มิ.ย. และ 11 มิ.ย.68 แพทย์แจ้งว่า แม่และลูกแข็งแรงดี และมีกำหนดคลอดคือวันที่ 22 มิ.ย.68 โดยแพทย์นัดให้ไปพบอีกครั้งก่อนกำหนดคลอดในวันที่ 18 มิ.ย.68 แต่จู่ๆ คืนวันที่ 17 มิ.ย. ต่อเนื่องวันที่ 18 มิ.ย. เวลา 02.00 น. ตนได้ปวดท้องมากเหมือนจะคลอดลูก จึงรีบไปโรงพยาบาลกลางดึก พยาบาลตรวจพบว่า ปากมดลูกเปิด 2 เซนติเมตร จึงให้นอนรอในห้องคลอดก่อน ต่อมาเวลาประมาณ 6 โมงกว่า พยาบาลได้มาตรวจปากมดลูกอีกครั้งพบว่าเปิด 4 เซนติเมตรแล้ว ตนเริ่มมีอาการปวดท้องมากและปวดถี่ขึ้นเรื่อยๆ และมีน้ำคร่ำปนเลือดไหลออกมาเยอะมาก พยาบาลได้นำผ้ารองเตียงผืนใหม่มาเปลี่ยนให้และบอกให้รอจนกว่าปากมดลูกจะเปิดเต็มที่ก่อน ตนรู้สึกว่าปวดท้องจะไม่ไหวแล้ว ตนจึงถามพยาบาลว่าขอผ่าคลอดหรือเร่งให้คลอดได้ไหม พยาบาลบอกไม่ได้ต้องรอจนกว่าจะถึงเวลาคลอด กระทั่งเวลาประมาณ 8 โมงกว่า ตนปวดท้องมากเหมือนเด็กจะโผล่หัวออกมา พยาบาลมาดูก็บอกปากมดลูกเปิด 8 เซนติเมตร แต่พยาบาลบอกยังไม่พร้อม ให้ตนเปลี่ยนท่านอนตะแครงข้างเอาขาหนีบไว้แล้วไขว้ไปข้างหลังอั้นเอาไว้ก่อน ระหว่างนั้นมีเคสรายใหม่ปวดท้องคลอดเข้ามาพยาบาลประมาณ 6-7 คน จึงพากันไปอยู่ที่เตียงนั้น จนเวลาประมาณ 9 โมงกว่า ตนปวดท้องมากจึงร้องโอดโอยพยาบาลจึงเดินเข้ามาถามว่าปวดมากไหม ตนตอบไปว่าปวดมากไม่ไหวแล้ว จากนั้นพยาบาลให้ตนนอนหงายท้องอ้าขาและบอกว่าหัวเด็กโผล่ออกมาแล้ว จากนั้นเด็กก็คลอดออกมาทันที แม่ได้ยินเสียงลูกร้องแอะครั้งเดียวก่อนจะเงียบไป ประมาณ 5 นาที พยาบาลได้มาแจ้งกับตนว่า เด็กเกิดภาวะขาดออกซิเจน, สำลักขี้เทา จะต้องรีบส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่ 2 ในจ.นครปฐม โดยด่วน หลังส่งลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐแห่งที่ 2 ได้ 5 วัน เด็กอาการยังอยู่ในขั้นวิกฤติ แพทย์พยายามรักษาจนสุดความสามารถมาแต่ก็ยื้อชีวิตเด็กไว้ไม่ได้ ลูกของตนได้เสียชีวิตลงในเวลา 10.47 น. วันที่ 23 มิ.ย.68 โดยแพทย์ระบุสาเหตุการตายจาก “ภาวะสำลักขี้เทา” นางสาวจามรี เล่าอีกว่า แม่และครอบครัวยังทำใจไม่ได้ที่สูญเสียลูกสาวคนแรกที่อุตส่าห์อุ้มท้องถึง 9 เดือน ประคบประหงมอย่างดี ไม่น่าที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แม่และครอบครัวติดใจสงสัยการให้บริการของโรงพยาบาลแห่งที่ 1 ปล่อยให้ปวดท้องนานเกินไปจนน้ำคร่ำแตกแล้วแต่ยังไม่ยอมให้คลอด ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียลูกที่อุ้มท้องมา 9 เดือน จึงอยากให้ รพ.ปรับปรุงการให้บริการดูแลเอาใจใส่ผู้ป่วยให้มากกว่านี้ และต้องการความเป็นธรรม ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับ น.ส.จามรี และครอบครัว โดยจะประสาน นายแพทย์วิโรจน์ รัตนอมรสกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบ 1.การบริการของโรงพยาบาลแห่งที่ 1 ว่าเพราะเหตุใดเมื่อน้ำคร่ำแตกแล้วจึงไม่ทำคลอดให้เด็กออกมา 2.ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของทารกว่าเพราะเหตุใด เพื่อให้กระจ่างและความเป็นธรรมกับน.ส.จามรี และครอบครัวต่อไป.