เลขาธิการ ป.ป.ส. สั่งตรวจสอบทรัพย์สิน “ร.ต.ต.” ขนยาบ้า 5 ล้านเม็ด ลั่น! ข้าราชการเอี่ยวยาเสพติด ต้องเฉียบขาด พร้อมยึดทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน เลขาธิการ ป.ป.ส. สั่งการด่วน ขยายผลตรวจสอบทรัพย์สินเครือข่าย “ร.ต.ต.ป้ายแดง” หลังร่วมแก๊งขนยาบ้า 5 ล้านเม็ด ถูกรวบคาด่านที่เชียงราย ล่าสุดยึดทรัพย์กว่า 50 ล้านบาท พร้อมประกาศกร้าว “ข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบพลัน และยึดทรัพย์สินให้ตกเป็นของแผ่นดิน” ไม่มีข้อยกเว้น ตามนโยบายปราบปรามยาเสพติดขั้นเด็ดขาดของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ ข้อสั่งการของ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในการทำลายเครือข่ายและตัดวงจรทางการเงิน ของผู้ค้ายาเสพติด ในวันที่ 15 มิ.ย. 68 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งขยายผลจากปฏิบัติการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 โดยการบูรณาการกำลังระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ส., กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย คือ นายณรงค์เดช ณ พัทลุง อายุ 53 ปี, นายสนธยา ศรีสุวรรณ อายุ 44 ปี และนายโกมล บุญทอง อายุ 49 ปี พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 5,000,000 เม็ด ในพื้นที่ จ.เชียงราย จากการสืบสวนพบว่า นายณรงค์เดชฯ ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร้อยตำรวจตรี (ร.ต.ต.) สังกัดศูนย์ฝึกตำรวจภูธรภาค 8 และเพิ่งสำเร็จการฝึกอบรมมาได้เพียง 3 เดือน ก่อนจะร่วมขบวนการลักลอบลำเลียงยาเสพติด พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้สั่งการให้ สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 8 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและยึดทรัพย์สินโดยทันที ผลการตรวจค้นบ้านพัก 2 แห่งในแฟลตตำรวจศูนย์ฝึกฯ จ.สุราษฎร์ธานี สามารถอายัดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบได้เป็นจำนวนมาก อาทิ เงินสด 200,000 บาท, ทองคำแท่ง 5 บาท, โฉนดที่ดิน 3 แปลง เนื้อที่รวม 44 ไร่, รถยนต์ 2 คัน และบัญชีธนาคารอีก 8 เล่ม รวมมูลค่าทรัพย์สินเบื้องต้นกว่า 50 ล้านบาท เลขาธิการ ป.ป.ส. ได้กล่าวเน้นย้ำถึงกรณีนี้ว่า “ได้สั่งการให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและทรัพย์สินที่ซุกซ่อนไว้ทั้งหมด เพื่อดำเนินการยึดอายัดเพิ่มเติม และขอย้ำเตือนไปยังเจ้าหน้าที่รัฐทุกคน หากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ไม่ว่าจะในฐานะผู้ค้า ผู้ลำเลียง หรือผู้ให้การสนับสนุน จะไม่มีการละเว้น จะถูกดำเนินคดีอาญาอย่างเฉียบพลัน มีโทษสถานหนัก และทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด จะถูกยึดให้ตกเป็นของแผ่นดินทั้งหมด เพื่อตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดให้สิ้นตามนโยบายของรัฐบาล”