นนทบุรี นักบริหาร สปสช. ถูกเจ้าหน้าที่อาวุโสปลอมเอกสารกู้เงินกับรุ่นพี่ร่วมสำนัก พบเหยื่อหลายราย มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 68 ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ “ดร.แก้ว” ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาอัยการจังหวัดนนทบุรี, ประธานกิตติมศักดิ์ กต.ตร.จังหวัดนนทบุรี และผู้ก่อตั้งเพจ “ดร.แก้วช่วยได้” ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นายมนตรี (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี นักบริหารงานหลักประกันสุขภาพ สังกัดสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่าตนตกเป็นเหยื่อการแอบอ้างข้อมูลส่วนตัว ปลอมลายมือชื่อในเอกสารขอกู้เงิน ซึ่งผู้กระทำเป็นเพื่อนร่วมงานภายในองค์กรเดียวกัน นายมนตรี เล่าว่า เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.00 น. ตนได้รับข้อความไลน์จาก น.ส.ต่าย ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ใน สปสช. ที่ตนรู้จักและเคยทำงานร่วมกัน ได้ทักมาสอบถามว่าเคยยืมเงินจาก น.ส.แตงโม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายสื่อสารและแผนงาน ฝ่ายการตลาดเพื่อสังคม และบริหารงานข่าว สปสช. หรือไม่ ตนยืนยันว่าไม่เคยยืมเงินจากใครทั้งสิ้น ต่อมา น.ส.ต่าย ได้นำส่งเอกสารสำเนาบัตรประชาชนและบัตรเจ้าหน้าที่ของนายมนตรี พร้อมข้อความระบุขอกู้เงิน จำนวน 20,000 บาท โดยขอผ่อนชำระเดือนละ 4,000 บาท ซึ่งแม้ลายเซ็นในเอกสารจะเป็นของตนจริง แต่ข้อความในเอกสารตนยืนยันว่าไม่ใช่ลายมือของตน และถูกปลอมแปลงแบบมืออาชีพ ลายมือคล้ายของตนมาก ตนตั้งข้อสังเกตว่า เอกสารที่ถูกใช้เป็นสำเนาที่เคยนำไปใช้ตรวจสุขภาพเมื่อหลายปีก่อน และไม่เคยใช้ในธุรกรรมใดอื่น นอกจากนี้ ยังพบว่าถูกสร้างไลน์ส่วนตัวของตนซึ่งเป็นหน้าและชื่อตน สร้างสถานการณ์ไปพิมพ์คุยกับน.ส.แตงโม แล้วทาง น.ส.แตงโม ได้แคปข้อความลักษณะในการพูดคุยถึงความเดือดร้อนที่จะต้องกู้เงินให้น.ส.ต่าย จึงหลงเชื่อและโอนเงินเข้าบัญชีของน.ส.แตงโม ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว นอกจากนี้ในข้อความที่ใช้ปลอมแปลงมีการใช้คำเรียกชื่อเฉพาะที่มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้ จึงสงสัยว่าเป็นคนใกล้ตัว แต่ปกติแล้วตนก็ถือว่าไม่ได้สนิทสนมกับน.ส.แตงโม ซึ่งไม่ทราบว่าเขาไปเอาข้อมูลส่วนนี้ และสำเนาบัตรของตนมาจากไหน ภายหลังตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าน.ส.แตงโมมีพฤติกรรมหลอกยืมเงินจากเพื่อนร่วมงานใน สปสช. โดยใช้วิธีแอบอ้างชื่อบุคคลอื่น ปลอมแชทสนทนา และตัดต่อภาพหน้าจอให้ดูเหมือนมีการพูดคุยจริง ซึ่งมีผู้เสียหายแล้วเกือบ 10 ราย ทุกคนเป็นบุคลากรใน สปสช. เช่นกัน รวมมูลค่าจำนวนเงินกว่า 1,000,000 บาท ที่น.ส.ต่ายให้เงินไปกับน.ส.แตงโม นายมนตรี กล่าวต่อว่า หลังได้รวบรวมพยานหลักฐาน ได้พูดคุยกับน.ส.ต่าย ซึ่งยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นเจ้าหนี้โดยตรง ไม่ได้ปล่อยเงินกู้ทั่วไป แต่ยอมช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานที่รู้จักกัน และไม่คาดคิดว่าจะถูกน.ส.แตงโมหลอกเช่นนี้ โดยมีความเชื่อใจน.ส.แตงโม เพราะเคยทำงานในแผนกเดียวกันอยู่กินนอนด้วยกัน มีวาจาดีพูดเพราะ ปากหวาน ประจบเก่ง ทำให้เชื่อใจและไม่คาดคิดว่าจะหลอกเพื่อนร่วมงานกันแบบนี้ และน.ส.ต่ายยืนยันกับตนว่าไม่ได้มีการว่าจ้าง หรือให้น.ส.แตงโมไปตระเวนหาคนในหน่วยงานที่เดือดร้อนเรื่องเงินมากู้และกินดอกเบี้ย สาเหตุที่ตนออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เพราะไม่ต้องการให้ใครตกเป็นเหยื่ออีก โดยเฉพาะหากมีการนำชื่อไปกู้หนี้นอกระบบ อาจนำไปสู่การถูกข่มขู่หรือตนอาจถูกใช้ความรุนแรง กับคนในครอบครัวด้วยเพราะมีข้อมูลที่อยู่ของตนครบและถูกต้องทุกอย่าง ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา ตนได้เข้าแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง และยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยประสานฝ่ายกฎหมายใน สปสช. เพื่อรวบรวมผู้เสียหายเพิ่มเติม และขอให้ทุกคนที่เดือดร้อนจากกรณีนี้รีบเข้าแจ้งความ คนที่เดือดร้อนมีหลายคน แต่คนก่อเหตุกลับใช้ชีวิตอย่างปกติ ตนจึงต้องออกมาปกป้องตัวเองและคนอื่น ๆ และวอนให้ ดร.แก้ว ช่วยติดตามให้คดีนี้ดำเนินไปจนถึงที่สุด ด้านดร.ปรเมศร์ หรือดร.แก้ว กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้รับเรื่องร้องเรียนก็รู้สึกตกใจ เนื่องจากในปัจจุบันวิวัฒนาการของมิจฉาชีพได้พัฒนาไปมาก แม้แต่บัตรประชาชนหรือบัตรข้าราชการ ก็ยังสามารถนำไปใช้หลอกกู้หนี้ยืมสินได้ ซึ่งกรณีนี้ผู้กระทำกลับเป็นถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยิ่งทำให้สังคมเสื่อมทรามลงมากกว่าเดิม เรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ ตนจะดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและดำเนินคดีตามกฎหมาย แม้แต่หน่วยงานต้นสังกัดก็อาจต้องเข้าไปพูดคุยกับผู้บังคับบัญชา เพื่อสอบถามว่าได้รับทราบเรื่องนี้หรือไม่ หากทราบแล้วมีมาตรการอย่างไร หรือหากทราบแล้วแต่เห็นว่าไม่เกี่ยวข้อง ตนก็จะเดินหน้าให้ความช่วยเหลืออย่างถึงที่สุด หากผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดจริง จะไม่มีการไกล่เกลี่ย และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ทั้งในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและปลอมแปลงเอกสาร ฝากถึงผู้ที่ก่อเหตุว่า เราเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ประชาชนให้ความนับถือและให้เกียรติเรา แต่หากเรากลับทำตัวเป็นมิจฉาชีพเสียเอง ก็คงไม่สามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ขนาดเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในสำนักงานเดียวกันยังทำกันได้ลงคอ หากกระทำจริงก็อยากให้ออกมาแก้ไข หรือหากไม่ได้กระทำ ก็ขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริง