นนทบุรี ลุงวัย74โร่ขึ้นโรงพัก เงินมรดก1ล้านหาย พ่อเสียนับ10ปี จนป่านนี้ยังไม่ได้เงิน วันที่ 15 พ.ค.68 เวลา 13.00 น.ที่ สภ.บางใหญ่ ต.เสาธงหิน อ บางใหญ่ จ.นนทบุรี นาย อำนวย (สงวนนามสกุล) อายุ 74 ปี เข้าปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจและทนายความหลังจากไม่สามารถติดตามเงินมรดกที่พ่อทิ้งไว้ให้ก่อนเสียชีวิต จำนวน 1 ล้านบาท ทั้งๆที่พี่น้องได้กันหมดแล้วยกเว้นตนเพียงผู้เดียว ก่อนหน้านี้ถามไปยังนาง สำเนา (สงวนนามสกุล) อายุ 75 ปี พี่สาวคนโตและเป็นผู้จัดการมรดกก็บอกว่าให้นาย พิเชษฐ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นน้องชายยืมไปแล้ว พอกลับไปถาม นาย พิเชษฐ์ ก็บอกว่าเงินที่เอามาเป็นเงินที่ยืมพ่อมาไม่ใช่เงินที่พ่อทิ้งไว้ให้ ต่างคนต่างโยนกันไปมา ผ่านมา 10 ปี ยังไร้วี่แววจะได้เงิน นาย อำนวย เล่าว่า เมื่อประมาณ10 ปีก่อน ตอนที่พ่อยังที่ชีวิตอยู่ พ่อเคยคุยกับตนและพี่น้องอีก4คน ว่าพ่อจะยกที่ดินให้คนละ 4ไร่ครึ่ง และเงินอีกคนละ 1 ล้านบาท โดยมีพี่สาวคนโตเป็นคนดูแล หลังจากนั้น นางสำเนา ซึ่งเป็นพี่สาวคนโตได้มาบอกกับตนว่าจะขอยืมเงินตนกับน้องสาว คนละ 1ล้านบาท เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท เพื่อไปซื้อบ้าน และได้บอกกับตนและน้องสาวว่าหากไม่ได้คืนเงินให้ จะขอยกที่ให้คนละ 1 แปลง ให้แทนเงิน 1 ล้านบาท หลังจากนั้น นาย พิเชษฐ์ ซึ่งเป็นน้องชายได้เข้าไปหาพ่อเพื่อขอยืมเงินไปซ่อมแซมบ้าน แต่ทาง นาง สำเนา กลับนำเงินที่เป็นมรดกของตนให้นาย พิเชษฐ์ไปแทน ซึ่งตนก็งงมากว่าทำไม พี่สาวคนโตถึงได้นำเงินของตนไปให้น้องชาย ในเวลาต่อมา พ่อของตนได้เสียชีวิตลงพี่น้องคนอื่นๆ ก็ได้รับที่ดินและเงินตามที่พ่อเคยบอกไว้ทั้งหมด ยกเว้นตนที่ยังไม่ได้เข้าไปเอาเงินเพราะคิดว่าอยู่กับพี่น้องคงปลอดภัยไม่โดนโกงแน่ๆ และเมื่อปี 2566 ตนได้เข้าไปหา นางสำเนา ถึงเรื่องเงิน1ล้านบาทที่ยืมไปซื้อบ้าน เพราะเห็นว่าน้องสาวอีกคนที่นางสำเนายืมเงินไปได้เงินคืนแล้ว แต่นาง สำเนากลับบอกว่าเงินนั้นได้ให้นาย พิเชษฐ์ ยืมไปก่อนหน้านั้นแล้ว ตนจึงได้ไปติดตามที่นายพิเชษฐ์ แต่นายพิเชษฐ์กลับบอกกับตนว่า เงินนั้นเป็นเงินที่ยืมพ่อมาตอนที่พ่อยังไม่เสีย และที่เอามาเป็นเงินประมาณ 2-3 แสนเท่านั้น ไม่ถึง1ล้าน นาย อำนวย เล่าอีกว่า หลังจากพ่อเสียชีวิตลง เงิน1ล้านบาทของตนก็กลายเป็นเงินมรดกที่จะต้องแบ่งให้พี่น้องทุกคนเท่าๆกันทันที แต่โชคดีที่พี่น้องคนอื่นๆเขารู้ว่าเงินก้อนนี้เป็นเงินที่พ่อมอบให้กับตนตอนที่ยังมีชีวิต จึงไม่มีใครออกมาเรียกร้องจะเอาเงินก้อนนี้ ส่วนทางด้านนาย พิเชษฐ์ ที่เป็นน้องชาย ตนก็ไม่อยากไปทวงอะไรมากมายเพราะเห็นว่าที่บ้านเขาก็ลำบาก เหมือนคนล้มละลาย จะเอาเงินจากไหนมาคืนตน แถมเขายังเชื่อว่าเงินที่เขาได้มาเป็นเงินของพ่อ ส่วนทางด้าน นาง สำเนา พี่สาวคนโตก็ยืนยันกับตนว่าเงิน1 ล้าน ได้ให้นาย พิเชษฐ์ซึ่งเป็นน้องชายยืมไปแล้ว ตนยอมรับว่าที่ผ่านมาที่ไม่ได้ไปติดตามเรื่องเงิน ปล่อยเวลาผ่านไปนานขนาดนี้เพราะว่าความไว้ใจ คิดว่าพี่น้องกันคงไม่ทำร้ายกันแถมยังไม่มีเอกสารยืนยันอะไรเลยซักอย่าง ทั้งพินัยกรรม ทั้งเอกสารการกู้ยืม และตอนนี้ตนก็มีปัญหาเรื่องการเงินจึงคิดพึ่งพาเงินก้อนนี้ ตอนนี้กลับเป็นเรื่องที่ตนก็งงว่าสุดท้ายแล้วเงิน 1 ล้านบาทของตนไปอยู่ที่ใครกันแน่ เพราะทางพี่สาวคนโตก็บอกว่าให้น้องชายยืมไป ด้านน้องชายก็บอกเงินที่เอามาเป็นเงินของพ่อ. *เบลอหน้าผู้เสียหายด้วยครับ