บก.ปคม. รวบหนุ่มใหญ่หลอกพาคนไทยทำงานวางท่อก๊าซที่ประเทศลาว ผู้เสียหายหลายราย
19 ส.ค.65 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์
คำชำนาญ ผบก.ปคม., พ.ต.อ.จิรเดช พระสว่าง, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ , พ.ต.อ.สุรพงศ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.ณัฎฐ์ สุวรรณวัฒนะ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม., พ.ต.ท.เกียรติก้อง ทองคำ และ พ.ต.ท.พระเนียง พรมมี
รอง ผกก.2 บก.ปคม.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท. พัฒน์ชพล มีนวลสิน สว.กก.2 บก.ปคม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 1 กก.2 บก.ปคม.
ร่วมกันจับกุม นายกีรติ (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี
ที่ 410/2565 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ฉ้อโกง และหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหรือจัดส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง” และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมยังพบว่า ผู้ต้องหารายนี้ยังมีคดีในลักษณะเดียวกันอีกหลายคดี
สืบเนื่องจากผู้ต้องหาได้โพสต์ประกาศข้อความลงในเฟซบุ๊กชื่อ “กลุ่มช่างเชื่อมประเทศไทย” ซึ่งโพสต์ดังกล่าวได้ระบุว่า หาคนไปทำงานวางท่อก๊าซที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยได้ค่าจ้างเดือนละ 150,000 บาท และหากสนใจให้ติดต่อนายกีรติฯ ทางโทรศัพท์ หลังจากนั้นผู้ต้องหาได้มีการติดต่อกับผู้เสียหายผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ โดยผู้ที่สนใจจะต้องเสียค่าดำเนินการเรื่องเอกสารเข้าทำงานและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ชื่อนายกีรติฯ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารดังกล่าว
แต่ภายหลังปรากฏว่าไม่ได้รับการจัดส่งไปทำงานตามที่ตกลงไว้ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายสูญเสียเงินประมาณ 15,000 บาทต่อคน จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. ได้เฝ้าติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับจนสืบทราบว่า นายกีรติฯ พักอยู่ที่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.ยโสธร จึงได้ดำเนินการจับกุม จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม.
เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่จะดำเนินการคืนเงินให้ผู้เสียหายทุกรายที่ถูกตนเองหลอกลวง
สอบสวนกลางจึงขอเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชน เพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงหรือล่อลวงไปค้าประเวณี หรือบังคับใช้แรงงาน ป้องกันการตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ ขอให้ท่านตรวจสอบให้ละเอียดแน่ชัดว่าผู้ชักชวนให้ท่านไปทำงานเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือหรือไม่ และได้รับอนุญาต
ให้จัดหาแรงงานไปทำงานต่างประเทศหรือไม่ โดยสามารถตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่กรมการจัดหางานในภูมิลำเนาของท่านได้ทุกจังหวัด สำหรับท่านต้องการไปทำงานต่างประเทศสามารถติดต่อสมัครงานกับกรมการจัดหางานแต่ละจังหวัด หรือบริษัทจัดหางานเอกชนที่ได้รับอนุญาตจากกรมการจัดหางาน เท่านั้น
หากผู้ใดเคยโดนผู้ต้องหาหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีเพิ่มเติมได้ที่ท้องที่ที่เกิดเหตุ และประสานอายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติม
สำหรับกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว มีอัตราโทษสำหรับความผิดฐานฉ้อโกง ต้องระวางโทษไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหรือจัดส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ฯ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 6 หมื่น ถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ