นนทบุรี คลิป เจ้าของบ่อตกปลาเครียด ภรรยาเป็นแพนิคหลังหมู่บ้านดังปล่อยน้ำเสียนาน 5 ปี ทำปลาตาย เสียหายกว่า 3 ล้าน เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 นายเอกลักษณ์ นาคขำ อายุ 41 ปี เจ้าของบ่อตกปลาเอกกุหลาบ หมู่ 10 ตำบลบางแม่นาง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี นำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือกับดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ “ดร.แก้ว” ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาอัยการจังหวัดนนทบุรี และผู้ก่อตั้งเพจ “ดร.แก้วช่วยได้” หลังมีน้ำเน่าเสียสีดำ ไหลออกมาจากกำแพงหมู่บ้านชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับบ่อตกปลา ทำให้ปลาลอยตายส่งกลิ่นเหม็นเน่าเป็นจำนวนมาก นาน 5 ปี เสียหายกว่า 3 ล้านบาท ได้แจ้งความไว้ที่สภ.บางแม่นาง นายเอกลักษณ์ นาคขำ อายุ 41 ปี เจ้าของบ่อปลา (ผู้เสียหาย) กล่าวว่า ตนเช่าที่เปิดบ่อปลาตรงนี้มา 5 ปีแล้ว ซึ่งบ่อปลาติดกับหมู่บ้าน มีน้ำเริ่มไหลจากกำแพง หมู่บ้านมาตั้งแต่ตอนที่ตนมาเช่าอยู่ตอนแรกไหลหนักขึ้นเรื่อยๆ ตนแจ้งไปที่นิติหมู่บ้านให้ช่วยแก้ไขแต่ทางหมู่บ้านไม่ได้ช่วยอะไรเลยตนเลยหาวิธีแก้ไขด้วยตัวเองมาตลอดหลายปี บ่อของตนมีเนื้อที่ประมาณ 21 ไร่ เป็นบ่อใหญ่ มีการจัดการแข่งขันตกปลา พอมาเจอน้ำไหลแบบนี้ทำให้พื้นที่บริเวณพื้นทางเดินบ่อเละ เฉอะแฉะ ลูกค้าประจำและลูกค้าที่มาพร้อมครอบครัวที่เคยมาตกปลาแน่นบ่อ เริ่มทยอยหายไป ปลาในบ่อถูกน้ำจากกำแพงหมู่บ้านไหลเข้ามาในบ่อจนน้ำกลายเป็นสีดำ มีฟอง และมีกลิ่นแรง ทำให้ปลากินเหยื่อยากสุดท้ายปลาในบ่อทยอยตาย เป็นแบบนี้มา 5 ปี ตนได้เชิญเจ้าหน้าที่ทางเทศบาลบางแม่นางเข้ามาดู ทางเทศบาลได้ประสานไปที่นิติบุคคลของโครงการหมู่บ้าน ตักเตือนให้ช่วยแก้ไข แต่ทางนิติฯกลับนิ่งเฉยไม่ได้ดำเนินการอะไร ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนตนทนไม่ไหวเตรียมที่จะไปฟ้องร้อง ตอนนี้เกิดความเสียหายรุนแรงปลาในบ่อตาย เน่าตายเป็นจำนวนมาก มีทั้งปลาบึก ปลากระโห้ ปลาสวาย และปลาอื่นๆ รวมอีกหลายชนิด ตายยันปลาซัคเกอร์ ทุกวันนี้ต้องเอาปลาออกจากบ่อบางส่วน ต้องเปลี่ยนแนวจากมีการตกปลาแข่งขัน มีถ้วยรางวัลใหญ่ กลายเป็นตกปลาออก ตกเล่น ทำให้ทางบ่อปลาขาดรายได้จากการจัดการแข่งขัน แฟนของตนคิดมากตอนนี้เป็นโรคแพนิค จิตตก เครียดมาก ปลาในบ่อรวมแล้วมูลค่าหลักล้าน ถ้าคิดรวม 5 ปี ตอนนี้มูลค่าความเสียหาย ประมาณ 3 ล้านบาท คิดไม่ออกไม่รู้จะไปต่อยังไง อยากให้ทางดร.แก้วประสานกับทางหมู่บ้านหรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้ออกมารับผิดชอบ แจ้งทางนิติบุคคลของหมู่บ้านไปเรื่องก็เงียบ แจ้งความตำรวจเรื่องก็เงียบ เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการสอบถาม นายดนัย คนใจดี อายุ 47 ปี เพื่อนเจ้าของบ่อตกปลา กล่าวว่า จากที่ตนเห็นน้ำไหลออกจากกำแพงหมู่บ้านเนื่องจากกำแพงมีความสูงกว่าบ่อปลา เป็นน้ำสีดำ ซึ่งเป็นน้ำเสีย ทางเจ้าของบ่อปลา มาปรึกษาตนตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร อยากแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แต่พอเวลามันเนิ่นนานไปเรื่อยๆตนแนะนำให้ไปคุยกับทางนิติบุคคลของหมู่บ้าน เพราะบ่อตกปลาของเพื่อนตนเป็นการทำธุรกิจ มีความเสียหายในเชิงธุรกิจ ปลาไม่กินเหยื่อ ลูกค้าก็ไม่อยากมาตกปลาในบ่อ ทำให้ต้องแบกภาระค่าเช่าทุกเดือน มีค่าใช้จ่ายตลอด ตนมองว่าถ้ามีการพูดคุยกันตั้งแต่ตอนแรกช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องมันน่าจะจบแต่ดูแล้วเขาไม่ใส่ใจ ทำนิ่งเฉย อยากจะร้องขอความเป็นธรรมทุกวันนี้เพื่อนของตนไม่สบายใจ ไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อไป ดร.แก้ว กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับเรื่องร้องเรียนจากเจ้าของบ่อปลาว่าได้รับความเดือดร้อนจากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีน้ำเสียเข้าไปในพื้นที่บ่อตกปลา ทางตนจะไปลงพื้นที่บริเวณบ่อตกปลาดังกล่าว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากเทศบาลบางแม่นาง เจ้าหน้าที่กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เพื่อไปตรวจสอบดูข้อเท็จจริงว่าสิ่งที่ร้องเรียนมาได้รับความเดือดร้อนอย่างไรบ้าง อยากฝากถึงคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงไม่ว่าจะเป็นบ่อปลาหรือหมู่บ้าน ทุกคนเป็นประชาชนในจังหวัดนนทบุรี ใครที่รู้ว่าทำผิดควรจะต้องปรับปรุงและแก้ไข และให้การชดเชยกับผู้ที่เสียหาย ฝากถึงผู้ที่ก่อเหตุให้ออกมาเยียวยาดูแลไม่ใช่ทำนิ่งเฉย